ระบาดหนัก “ลัมปีสกิน” โคกระบือ อ.นาแก วิกฤตป่วยเกือบ 500 ตัว
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ได้เกิดโรคระบาดในสัตว์ เลี้ยงการเกษตรโคกระบือ หรือโรคไวรัสลัมปีสกิน ในพื้นที่หลายอำเภอ สร้างความเดือดร้อนให้กับ เกษตรกรที่เลี้ยงโคกระบือ ในพื้นที่ อย่างหนัก เนื่องจากไม่มียารักษา โดยเฉพาะ อ.นาแก จ.นครพนม จากกการตรวจสอบลงพื้นที่ รวม 12 ตำบล พบมีโคกระบือ ของเกษตรกรป่วยติดเชื้อไวรัสลัมปีสกิน แล้วเกือบ 500 ตัว เช่นเดียวกันกับพื้นที่ ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม พบมีโคป่วยติดเชื้อไวรัสลัมปีสกินแล้ว จำนวนกว่า 200 ตัว ตายแล้วมากถึง 6 ตัว สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำจากโรคโควิดระบาด ทั้งตกงานขาดรายได้ ยังต้องมาแบกภาระต้นทุนจากโรคระบาดในโคกระบือป่วยตาย บางรายขาดทุนหลายแสนบาท เนื่องจากไม่มียารักษา ต้องหาทางดูแลรักษาป้องกันแบบภูมิปัญญาชาชาวบ้าน ใช้สมุนไพร อีกทั้งต้องแบกภาระต้นทุนในการซื้อยามาฉีดรักษาแบบลองผิดลองถูก ซึ่งในพื้นที่ อ.นาแก จ.นครพนม เกิดโรคระบาดมานานเกือบ 3 เดือน แต่ยังไม่มีหน่วยงานปศุสัตว์ เข้ามาดูแลแก้ไขจริงจัง ทำให้โคกระบือของเกษตรกร ป่วยทยอยตายรายวัน โดยทางจังหวัดนครพนม ได้ประกาศให้พื้นที่หลายอำเภอเป็นเขตโรคระบาดในโคกระบือ ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงการเกษตร และแจ้งเตือนให้เกษตรกรตรวจสอบติดตามเฝ้าระวังต่อเนื่อง
ล่าสุดทางด้าน นายบัญชา ศรีชาหลวง นายก อบต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม พร้อมด้วย นายศักดิ์ดา ปัญญาพ่อ ผู้ใหญ่บ้านดอนพัฒนา หมู่ 6 ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม พร้อมตัวแทนเกษตรกร ได้ลงพื้นที่ สำรวจ รับทราบปัญหา เพื่อประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลช่วยเหลือ เนื่องจากชาวบ้านกำลังได้รับความเดอืดร้อนจากโรคระบาด ทำให้มีโคกระบือ ในพื้นที่ ต.พิมาน ป่วยแล้วกว่า 200 ตัว ทยอยตายรายวัน ล่าสุดตายไปแล้ว 6 ตัว มูลค่าหลายแสนบาท จึงได้รวบรวมข้อมูลประสานหน่วยงานปศุสัตว์ เข้ามาดูแลแก้ไข ป้องกันปัญหาการระบาดเพิ่ม เนื่องจากเป็นโรคระบาดใหม่ ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่มีความรู้ และขาดแคลนงบประมาณในการดูแลช่วยเหลือแก้ไข จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากทางจังหวัดนครพนม และหน่วยงานปศุสัตว์ในการสนับสนุนช่วยเหลือ
ด้าน นายบัญชา ศรีชาหลวง นายก อบต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า หลังลงพื้นที่ตรวจสอบรับทราบปัญหา พบว่า ชาวบ้าน เกษตรกร ที่เลี้ยงโคกระบือในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากโรคระบาด ลัมปีสกิน เป็นโรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างหนัก เนื่องจากไม่มียารักษา ต้องหาทางป้องกันด้วยภูปัญญาชาชาวบ้าน โดยได้รับทราบปัญหาจากชาวบ้านว่า ต้องการเรียกร้องให้ หน่วยงานปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลแก้ไข ช่วยเหลือหาทางป้องกันอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นโรคระบาดที่มีการติดต่อ บางรายต้องสูญโคกระบือ ทยอยตายแบบไร้หนทางแก้ไข ขาดทุนหนัก บางตัวมีราคาเกือบตัวละแสนบาท อย่างไรก็ตาม ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะได้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งมาดูแลแก้ไข และพร้อมให้การสนับสนุนในส่วนที่สามารถดูแลช่วยเหลือได้ แต่ยังมีปัญหาเรื่องขาดบุคลากรเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องที่มีความรู้เรื่องสัตวบาล รวมถึงการให้วัคซีน และความรู้การดูแลป้องกัน ต้องอาศัยหน่วยงานปศุสัตว์ เข้ามาดูแลจริงจัง อีกทั้งยังขาดแคลนเรื่องงบประมาณช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งจะได้เร่งประสานหาทางช่วยเหลือเร่งด่วน
เช่นเดียวกันกับ นางบุญกว้าง กัยลุน 53 ปี 56 เกษตรกรชาวบ้านดอนพัฒนา หมู่ 6 ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า ตนได้รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อนจากโรคระบาดในโค ที่เลี้ยงไว้นานเกือบ 3 เดือน จากเลี้ยงโคสายพันธุ์เนื้อ ไว้ส่งขาย กว่า 20 ตัว พอมีรายได้ ขายช่วงโควิดระบาด ขาดรายได้จากกการทำงานรับจ้าง แต่สุดท้ายต้องมาเจอโรคระบาดติดต่อในโค หลายตัว ต้องทยอยขายออก ในราคาขาดทุน เพราะบางตัวเริ่มติดเชื้อ ไม่มีทางรักษา จากราคาตัวละ 4-5 หมื่นบาท ต้องยอมขายราคาตัวละไม่เกิน 10,000 บาท ยอมขาย ดีกว่าขาดทุน ปล่อยให้โคตายเปล่า ปัจจุบันเหลือโค 14 ตัว ทั้งคอก ติดเชื้อทั้งหมด มีอาการป่วยหนัก ประมาณ 2 ตัว เรื่องผิวหนังมีตุ่มเป็นแผล ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อรักษา ตามที่ศึกษาข้อมูลเอง ประสานอาสาปศุสัตว์มาดูแล แต่ไม่มียามารักษา ส่วนทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด อำเภอ ยังไม่ลงมาตรวจสอบให้การช่วยเหลือ ต้องอาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านรักษากันเอง บางตัวจะขายออกแต่ไม่มีคนรับซื้อ เพราะป่วยหนัก หากไม่มีการดูแลช่วยเหลือคิดว่า จะทยอยตายหมด ตอนนี้ทำใจทั้งเจอพิษโควิด ยังมาเจอโรคระบาดในโคอีก ขาดทุนหนัก แบกภาระเลี้ยงดู ยังต้องเจอภาระหาเงินมาซื้อยามารักษา เรียกร้องให้ภาครัฐ หน่วยงานเกี่ยวข้องมาดูแลช่วยเหลือ จัดซื้อยามาฉีดป้องกัน หาทางรักษาไม่ให้ป่วยตายมากกกว่านี้
