สึกออกเอง! ครูบาชื่อดังหนีการตรวจสอบ หลังมีคนร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องอายุ และสถานะความเป็นพระ ตลอดจนเรื่องเงินบริจาค แต่ชี้แจงไม่ได้ แถมใบสุทธิเป็นของปลอม
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า หลังจาก พระครูสิริชัยพิพัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ได้ประกาศสำนักงานเจ้าคณะอำเภอแม่ทะ เรื่อง พระบุญเป็ง โชิปญโญ วัดห้วยฟ้าหลั่ง พ้นจากสมณเพศ เมื่อวันที่ (29 พ.ค.) โดยระบุว่าพระบุญเป็ง หรือ ที่รู้จักในนาม ครูบาบุญเป็ง ต้องการไปใช้ชีวิตแบบฆารวาสกับลูกหลานในวัยชรา สร้างความสงสัยกับผู้ศรัทธาและประชาชนชาวลำปางและลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากว่าเกิดอะไรขึ้น
จากการสอบถามพระครูสิริชัยพิพัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะ ท่านเมตตาเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เมื่อประมาณปลายปี 2563 มีประชาชนร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง และทาง จังหวัดแจ้งมายังอำเภอแม่ทะ และนายอำเภอแม่ทะได้ขอให้ทางเจ้าคณะอำเภอช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง 2 เรื่องคือ 1.เรื่องอายุและพรรษา เนื่องจากทางวัดจะมีการจัดงานฉลองสมโภสอายุครบ 100 ปี โดยให้หน่วยงานราชการและคณะสงฆ์ยืนยันข้อเท็จจริง 2.ตรวจสอบการบริหารงานวัดห้วยฟ้าหลั่งว่ามีการบริหารงานอย่างไร เนื่องจากวัดไม่มีเจ้าอาวาส/ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส จึงควรตรวจสอบบัญชี-รับ-จ่ายและบัญชีเงินฝากธนาคารด้วย ต่อมาจึงมีการประชุมและแต่งตั้งพระสงฆ์จำนวน 9 รูป เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยมี พระครูวิธานพัฒนสุนทร เจ้าคณะตำบลแม่ทะประธาน
ต่อมาคณะกรรมการทั้งหมดพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่ทะ ได้เข้าพบ พระบุญเป็ง ที่วัดห้วยฟ้าหลั่ง เพื่อสอบถามประเด็นต่างๆ โดยขอดูหนังสือสุทธิหรือบัตรประจำตัวพระสงฆ์ มีเพียงสำเนาหนังสือสุทธิที่ออกให้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2544 โดยพระครูอนุรักษ์ ธะรมคุณ พระอุปัชฌาย์ ที่ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่อนสอน เพียงฉบับเดียว ซึ่งทางพระบุญเป็งใช้ประกอบในการขอตั้งวัดห้วยฟ้าหลั่งด้วย
ทางอำเภอแม่ทะและสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง ได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งทางทะเบียนราษฎรทั้งหมด ตั้งแต่ฉบับมือเขียน (รุ่น2515) และทางไปยังต้นทางเดิมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่มีการขอทำบัตรประชาชนสลับกับการเป็นพระ และตรวจสอบหนังสือสุทธิจากเจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงพบว่าหลังจากที่บวชครั้งแรกในปี 2544 พระบุญเป็งได้ทำการ “สึกบก” (สึกเอง) โดยเปลี่ยนสถานะจากพระเป็นฆารวาสและไปใช้ชีวิตตามปกติมีครอบครัวมีลูก ก่อนจะกลับมาสวมผ้าเหลืองโดยใช้หนังสือสุทธิเดิมครั้งแรกตลอดมา แต่มาทำสุทธิปลอมและถูกยกเลิกไป โดยเปลี่ยนฉายาจากที่เดิมที่บวชใช้ พระเป็ง โชติปญฺโญ แต่ หลังจากนั้นก็หันมาใช้ ครูบาบุญเป็ง จกฺกรตโน ซึ่งพบว่ามีการ “สึกบก” อย่างน้อย 3 ครั้งระหว่างที่บวช
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เข้าพบพระบุญเป็งพร้อมนำข้อมูลต่างๆรวมถึงทะเบียนราษฎร ซึ่งปรากฏชื่อของนายบุญเป็ง เป็นบิดา พระบุญเป็งปฎิเสธทุกคำถาม โดยบอกว่าตนเองบวชมาตั้งแต่อายุ22 และสึกเองโดยเป็นฆราวาสเพียง6วันก็กลับบวชคือการกลับไปสวมผ้าเหลืองและไม่เคยสึกออกมาอีกเลย และปฎิเสธไม่มีลูก ส่วนประเด็นรายรับรายจ่ายเงินในบัญชีก็ปรากฎว่าไม่มีบัญชีของวัดมีแต่บัญชีส่วนตัวของพระบุญเป็งเท่านั้น เมื่อมีคนบริจาค พระบุญเป็งได้ออกใบอนุโมทนาบัตรให้ โดยระบุว่าตนเองเป็นเหรัญญิกและเจ้าอาวาสวัดห้วยฟ้าหลั่ง
ต่อมาบุตรสาวของพระบุญเป็ง ได้เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพราะเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเพียงเรื่องรายรับรายจ่ายของวัด จึงเดินทางมาพบกับเจ้าคณะอำเภอและนายอำเภอแม่ทะเพื่อชี้แจงว่าลูกหลานรวมถึงคนในครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกบเงินวัด พร้อมให้ข้อมูลว่าตนเองเป็นลูกของพระบุญเป็งโดยพระบุญเป็งมีลูกรวมทั้งสิ้น 9 คนและเสียชีวิตไป เหลือ 6 คน โดยระบุว่าสาเหตุที่พ่อกลับมาบวชอีกครั้งเพราะลูกป่วย และพ่อซึ่งเดิมเป็นหมอพื้นเมืองแต่รักษาลูกไม่ได้จึงตัดสินใจบวช ซึ่งทำให้รู้ว่าพระบุญเป็งเคยสมรสและมีบุตรจริง
ต่อมาทางเจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ตรวจสอบหนังสือสุทธิของพระเป็งแล้วรายงานว่าหนังสือสุทธิที่พระเป็งใช้ในปัจจุบันนั้นมีความผิดปกติหลายประการและเป็นข้อมูลไม่ถูกต้องและให้ยกเลิกหนังสือสุทธิสังกัดวัดสบป่อง อำเภอปางมะผ้า ที่พระเป็งใช้ ตั้งแต่บัดนี้ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะจึงมอบหมายให้เจ้าคณะตำบลนำเรื่องดังกล่าวแจ้งให้พระบุญเป็งทราบเพื่อให้แสดงหนังสือสุทธิฉบับอื่น เพื่อแสดงถิ่นที่อยู่และความบริสุทธิ์แห่งการครองสมณเพศ กรณีไม่มีหนังสือสุทธิเล่มอื่นมาแสดง ให้ไปร้องขอให้พระอุปัชฌาย์ที่ทำการอุปสมบทออกหนังสือให้และนำมาแสดงภายใน 15 วัน ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อเจ้าคณะตำบลแม่ทะเข้าตรวจสอบที่วัดแต่ปรากฏว่าไม่พบพระบุญเป็ง มีเพียงเอกสารสำคัญของวัด คือสำเนาทะเบียนบ้านวัด ที่ปรากฏหน้า 2 ลำดับที่ 1 คำนำหน้าจากพระเป็ง จันทร์ต๊ะมูล แก้เป็น นายเป็ง จันทร์ต๊ะมูล และใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ปลายทางไปยังบ้านเลขที่อื่น (โดยไม่ปรากฎการลาสิขา)
ขณะเดียวกันทางอำเภอได้รับรายงานว่าวันที่28พ.ค. นายเป็ง ได้แต่งกายเป็นฆารวาส เพื่อขอทำบัตรที่ที่ว่าการอำเภอหางดง แต่ทางงานทะเบียนยังไม่สามารถออกให้ได้เพราะขาดหลักฐานคือหนังสือสุทธิที่ระบุการลาสิกขา จึงได้ประสานมายังอำเภอแม่ทะให้ตรวจสอบ
ต่อมาวันที่29 นายบุญเป็งมาพบเจ้าคณะอำเภอแม่ทะ แต่ปรากฎว่ากลับมาแต่งกายด้วยชุดพระสงฆ์เช่นเดิม โดยมาขอคัดสำเนาหนังสือสุทธิที่ทางสังกัดวัดสบป่องสั่งให้ยกเลิก เพื่อไปขอออกบัตรประชาชน โดยไม่มีการลาสิขาอีกเช่นเคยโดยบอกเพียงว่าไม่ต้องสึกอะไร เพราะตนเองมีเสื้อผ้าอยู่ในรถแล้ว ก่อนที่จะกลับไป จากนั้นเจ้าคณะอำเภอแม่ทะจึงออกประกาศการพ้นจากสมณเพศของพระบุญเป็งดังกล่าว
พระครูสิริชัยพิพัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ได้ฝากข้อคิดให้กับญาติโยมว่าการทำบุญกับพระ ควรดูก่อนว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอม ที่ผ่านมาญาติโยมจะไม่ค่อยเข้าใจกฎหมายพระ พอเห็นสงฆ์อยู่ศาลา อยู่ข้างถนนก็ไปอุปถัมภ์ค้ำจุน ก่อนจะทำบุญควรตรวจสอบความเป็นสถานะของพระเสียก่อน พระดีหรือพระไม่ดี อันดับแรกคือต้องตรวจสอบว่าพระมีหนังสือสุทธิไหม และจะมีตราปั้มของเจ้าคณะแต่ละพื้นที่เหมือนกันทั่วประเทศ ญาติโยมที่หลงงมงายเกี่ยวกับการทำบุญทำกุศลมากโดยใช่เหตุ จงคิด จงใช้สติ ไม่ใช่เห็นพระมารยาทดีก็ทำบุญไป
สมัยนี้พระจรจัดพระปลอมเยอะ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ส่วนที่ทำบุญสร้างโบสถ์วิหารต่างๆ ตามกฎหมายพระ ก็ต้องมีแบบแปลน เหมือนชาวบ้านจะสร้างบ้านก็ต้องมีแบบมีแปลน ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน และต้องมีงบประมาณอยู่ส่วนหนึ่งแล้วจึงจะสร้างและขอเรี่ยไรรับบริจาคได้ ส่วนวัดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นสำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์จะเรี่ยไรไม่ได้ ในภาคเหนือภาค 6 ที่จะสามารถเรี่ยไรขอรับบริจาคได้ก็จะมี ฉัตร ช่อฟ้า ลูกนิมิตร เท่านั้น นอหเหนือจากนั้นทำไม่ได้
ทางด้านบุญยะเดช ธิธรรมมา ผญบ.แม่ทะ ม.1 ต.แม่ทะ วัดห้วยฟ้าหลั่ง บอกว่าหลังจากที่เจ้าคณะอำเภอแม่ทะมีประกาศให้พระบุญเป็งพ้นจากพ้นจากสมณเพศ ชาวบ้านก็เริ่มรับทราบแล้ว และอยากฝากถึงผู้ที่ศรัทธาอดีตพระเป็งให้ทราบว่าขณะนี้นายเป็งไม่ได้เป็นพระอีกแล้ว และไม่ได้อยู่ที่วัดห้วยฟ้าหลั่งแห่งนี้แล้ว ส่วนการดำเนินการฟื้นฟูวัดทางเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมถึงคณะกรรมการหมู่บ้านจะได้มาประชุมเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยเร็วที่สุดต่อไป