เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 มิถุนายน ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจเรื่อง “คนอีสานกับโควิดระลอก 3” ที่เป็นการสำรวจความคิดเห็นคนอีสานต่อเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,122 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัดภาคอีสาน
ผศ.ดร.สุทินกล่าวว่า กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าโควิดระลอก 3 เกิดจากการบริหารจัดการของรัฐบาลเป็นหลัก การที่ไม่คุมเข้มในช่วงสงกรานต์มีผลต่อการควบคุมการระบาด 2 ใน 3 พร้อมฉีดวัคซีนที่รัฐจัดหาให้ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่กล้าฉีดต้องการฉีดไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า และโมเดอร์นา ตามลำดับ ส่วนใหญ่รายได้ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ต้องการให้รัฐฉีดวัคซีนให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด ขอเงินเยียวยาเพิ่ม และลดรายจ่ายของรัฐที่ไม่จำเป็น โดยรวมมีความพึงพอใจปานกลางถึงน้อยที่สุดในการการแก้ปัญหาโควิดและการจัดหาวัคซีนของรัฐ
“เมื่อสอบถามว่า ท่านคิดว่าการระบาดของโควิดระลอก 3 เป็นเพราะสาเหตุใดเป็นหลัก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 46.4 ชี้ว่าเกิดจากการบริหารจัดการของรัฐบาลเป็นหลัก รองลงมาคือร้อยละ 35.2 เกิดจากการทำงานของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก และร้อยละ 18.4 เกิดจากประชาชน บางส่วนที่ไม่มีวินัย
“ขณะที่มาตรการคุมเข้มในช่วงสงกรานต์มีผลต่อการควบคุมการระบาดมากน้อยเพียงใด พบว่าคนอีสานตอบว่า มากที่สุด ร้อยละ 18.7 รองลงมาคือร้อยละ 30.5, ปานกลาง ร้อยละ 37.9 ตอบว่าน้อย ร้อยละ 9.3 และตอบว่า น้อยที่สุด ร้อยละ 3.5” ผศ.ดร.สุทินกล่าว
ผศ.ดร.สุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อสอบถามว่าท่านพร้อมจะฉีดวัคซีนหรือยัง ตามที่รัฐบาลจัดหาวัคซีนให้ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 66.4 ตอบว่าพร้อมฉีดหรือฉีดแล้ว ขณะที่ร้อยละ 33.6 ตอบว่ายังไม่กล้าฉีด และเมื่อสอบถามเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่กล้าฉีดว่าหากเลือกได้ท่านต้องการฉีดวัคซีนยี่ห้อใดมากที่สุด พบว่า อันดับหนี่ง 1 ร้อยละ 46.9 เลือกไฟเซอร์ รองลงมา ร้อยละ 17.0 เลือกแอสตร้าเซนเนก้า ตามมาด้วยร้อยละ 11.5 เลือกโมเดอร์นา ร้อยละ 9.4 เลือกจอนห์สันแอนด์จอนห์สัน ร้อยละ 8.5 ระบุว่าอะไรก็ได้ที่รัฐจัดหาให้ ร้อยละ 3.1 เลือกซิโนฟาร์ม ร้อยละ 1.9 เลือก สปุตนิก วี และร้อยละ 1.7 เลือกซิโนแวค
“คำถามที่ระบุว่าต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษกิจช่วงโควิดอย่างไร พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 48.1 ต้องการให้ฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด รองลงมา ร้อยละ 24.0 ขอให้แจกเงินเยียวยาเพิ่ม ตามมาด้วย ร้อยละ 10.1 ขอให้ลดรายจ่ายภาครัฐที่ไม่จำเป็น ร้อยละ 9.4 ช่วยให้มีการจ้างงาน ร้อยละ 4.5 ขอเงินกู้สำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ร้อยละ 3.1 ขอเงินกู้สำหรับคนที่เป็นหนี้นอกระบบ และความเห็นอื่นๆ ร้อยละ 0.8
“และสุดท้ายเมื่อสอบถามว่า ท่านพึงพอใจในการแก้ปัญหาโควิดและการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลมากน้อยเพียงใด พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ให้คะแนนอยู่ในช่วงปานกลางถึงพอใจน้อยที่สุด แยกเป็น พอใจปานกลางร้อยละ 38.6 พึงพอใจน้อย ร้อยละ 24.6 พึงพอใจน้อยที่สุด ร้อยละ 24.3 ขณะที่มีกลุ่มที่ ให้คะแนน พึงพอใจมาก ร้อยละ 11.5 ขณะที่ความพอใจมากที่สุด อยู่ที่ร้อยละ 1 เท่านั้น” ผศ.ดร.สุทินกล่าว