นราธิวาส แถลงความคืบหน้าเหตุปืนหาย ชี้หายจริง 26 กระบอก ไม่ใช่ 28 เผยผิดหลงทางธุรการ ได้คืนแล้ว 6

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มิถุนายน ที่ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วยนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการแถลงข่าวกรณีอาวุธปืนสูญหาย โดยมีนายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนนายอำเภอทั้ง 13 อำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา จ.นราธิวาส ได้รับรายงานจากอำเภอเมืองนราธิวาสว่า ได้มีอาวุธปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มม. รุ่น AK 102 ของกองร้อย อส.อำเภอเมืองนราธิวาส หายไปจากคลังอาวุธ จำนวน 28 กระบอก โดยนายอำเภอเมืองนราธิวาสได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนราธิวาส และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา ตามลำดับชั้น และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้รับทราบ พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุของการสูญหาย ซึ่งมีนายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานกรรมการ

โดยมีคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีปลัดจังหวัดนราธิวาสเป็นกรรมการและเลขานุการ และเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จังหวัดนราธิวาส ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จากบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มาเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนคณะกรรมการดังกล่าว โดยจังหวัดได้กำหนดให้ดำเนินการสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงในส่วนที่สำคัญภายใน 7 วัน และให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง

บัดนี้การสอบสวนได้ดำเนินการครบ 7 วัน จึงขอสรุปสาระสำคัญตามที่คณะกรรมการ ได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ ดังนี้

Advertisement

1.ได้อาวุธปืนกลับคืนมา และปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐจำนวน 8 กระบอก ดังนี้

1.1 ตรวจสอบพบว่า มิได้สูญหายจำนวน 2 กระบอก เป็นแต่เพียงการผิดหลงทางธุรการ

1.1.1. กระบอกที่ 1 เป็นกรณีที่กรรมการปกครองได้เบิกจ่ายให้กับ กองร้อย อส.อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ไปตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2553 แต่ปรากฏเลขหมายประจำปืนมีอยู่ในบัญชีของอำเภอเมืองนราธิวาสด้วย แต่ในความเป็นจริงตัวอาวุธปืน อยู่ที่อำเภอสะบ้าย้อย ทางจังหวัดจึงได้ทำหนังสือตรวจสอบไป และได้รับการยืนยันว่าปัจจุบันอยู่ในความครอบครอง ดูแล และใช้ปฏิบัติภารกิจปกติ อยู่ที่อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา

Advertisement

1.1.2.กระบอกที่ 2 ตรวจพบว่ายังคงอยู่ในคลังอาวุธของกองร้อย อส. อำเภอเมืองนราธิวาส เป็นแต่เพียงในการตรวจนับจำนวนอาวุธปืน ของอำเภอเมืองนราธิวาส ในขั้นตอนบันทึกข้อมูลผิดหลงทำให้จำนวนขาดหายไป แต่เมื่อคณะกรรมการฯ ร่วมกับอำเภอเมืองนราธิวาสได้ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง จึงปรากฏว่าอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว มีเลขหมายประจำปืนถูกต้องตามบัญชีข้อมูลและสภาพปกติอยู่ในคลังอาวุธปืนของกองร้อย อส.อำเภอเมืองนราธิวาส

1.2 ตรวจสอบพบว่า อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ เนื่องจากเป็นหลักฐานเกี่ยวข้องทางคดี จำนวน 6 กระบอก โดยได้มาจากการตรวจยึดหรือจับกุมบุคคลที่ครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 6 กระบอก ดังนี้

1.2.1 กระบอกที่ 1 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา จับกุมบุคคลได้พร้อมอาวุธปืน เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2557 ปัจจุบันอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ได้ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนห้วงเวลาของการสูญหายอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบข้อมูล

1.2.2.กระบอกที่ 2 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.สิงหนคร จ.สงขลา จับกุมบุคคลผู้ก่อเหตุในพื้นที่ อ.สิงหนคร เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2564 ปัจจุบันอาวุธปืน สภ.สิงหนครได้ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนห้วงเวลาของการสูญหายอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบข้อมูล

1.2.3.กระบอกที่ 3 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ตรวจค้นสถานที่และบุคคลเป้าหมาย เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ปัจจุบัน สภ.ระแงะ ได้ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนห้วงเวลาของการสูญหาย และรายละเอียดอื่นๆ อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบข้อมูล

1.2.4.กระบอกที่ 4 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.เมืองนราธิวาส ทำการตรวจค้นบ้านของราษฎรที่มีอาชีพเกี่ยวกับทำประมงในพื้นที่ แล้วได้ตรวจยึดอาวุธปืนไว้
เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564 ปัจจุบัน สภ.เมืองนราธิวาส ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนห้วงเวลาของการสูญหายและรายละเอียดอื่นๆ อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบข้อมูล

1.2.5.กระบอกที่ 5 เป็นอาวุธปืนที่หน่วยทหารยึดคืนได้จากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เสียชีวิตที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จากเหตุการณ์ปะทะต่อสู้กับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ที่บังคับใช้กฎหมาย เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ปัจจุบันอาวุธปืน สภ.บาเจาะ ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนห้วงเวลาของการสูญหาย และรายละเอียดอื่นๆ อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบ

1.2.6.กระบอกที่ 6 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.เมืองนราธิวาส ได้คืนมาจากการจับกุมบุคคลท้องที่ ต.มะนังตายอ อ.เมืองนราธิวาส พร้อมอาวุธปืน เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560 และปัจจุบันอาวุธปืน สภ.เมืองนราธิวาส ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนห้วงเวลาของการสูญหายและรายละเอียดอื่นๆ อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบข้อมูล

2. สรุปได้ว่ามีอาวุธป็นที่สูญหายเพียง 26 กระบอก แต่ได้กลับคืนมาแล้ว จำนวน 6 กระบอก คงยังมีอาวุธปืนที่สูญหาย และอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้ได้มาจำนาน 20 กระบอก ส่วนอีก 2 กระบอก มิได้เกิดการสูญหายมาตั้งแต่ต้น เป็นแต่เพียงการผิดหลงทางธุรการของการปฏิบัติงานทางด้านธุรการ ซึ่งอำเภอเมืองนราธิวาสได้แจ้งไปยังสถานีตำราจภูธรเมืองนราธิวาสทราบแล้ว

3.สำหรับอาวุธปืนที่สูญหายอีกจำนวน 20 กระบอกนั้น จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคณะกรรมการอยู่ระหว่างการสอบสวน สืบสวน ตรวจ สอบ รวบรวมข้อเท็จจริงของการสูญหายเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ชัดเจน ถูกต้อง และประการสำคัญคือ ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องได้ใช้ความพยายามที่ จะให้ได้อาวุธปืนกลับมา เพื่อมิให้บุคคลที่มีพฤติกรรมไม่ดีนำไปใช้ก่อเหตุรุนแรง สร้างความไม่สงบเรียบร้อยหรือความมวุ่นวายในสังคมได้

พล.ท.เกรียงไกรกล่าวว่า เจ้าหน้าที่คลัง การควบคุมทางบัญชี การควบคุมการเบิกจ่าย และผู้ที่รับผิดชอบ จนกระทั่งถึงผู้บังคับการกองร้อย อส.รวมถึง นายอำเภอ ถ้าสอบสวนถึงใครคนนั้นต้องรับผิดชอบ โดยบกพร่องต่อหน้าที่ บกพร่องอย่างไร ซึ่งคณะกรรมการจะต้องนำเรียนสรุปให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดถึงผลการสอบสวนเป็นอย่างไร ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำผลการสอบสวนไปขยายผลต่อไป ซึ่งวันนี้ครบรอบ 7 วันของการติดตามผลการสอบสวนแล้ว ทราบว่าความคืบหน้าทั้ง 28 กระบอกนั้น ได้คืนมาแล้ว 2 กระบอกแรกเกิดจากการคาดเคลื่อนทางธุรการ โดยอาวุธปืนอีก 6 กระบอกสามารถยึดได้จากผู้กระทำผิดจากคดีต่างๆ ส่วนอีก 20 กระบอกนั้นทางคณะกรรมการจะได้ดำเนินการสอบสวนขยายผลต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image