จากกรณีมีการแพร่เชื้อจากโรงงานชำแหละไก่ในพื้นที่คลอง 7 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และพบเป็นคลัสเตอร์ในการติดเชื้อหลายร้อยคน จนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีสั่งปิดโรงงานเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทว่า เชื้อไวรัสได้แพร่กระจายไปยังชุมชนมุสลิม คลอง 13 หมู่ 4 ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบผู้ติดเชื้อกว่า 20 คน เนื่องจากเป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าว
ล่าสุด วันนี้ (7 มิถุนายน) จากการสอบถามนายสุดรัก แจ้งรู้สุข ชาวมุสลิมในพื้นที่ อาชีพค้าขาย กล่าวว่า ในซอยฮิรัญสิริ หมู่ 4 ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา พบผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์โรงงานชำแหละไก่ คลอง 7 แล้วกว่า 20 คน ในรอบเพียง 2-3 วัน และรอฟังผลอีกจำนวนมาก จึงอยากวอนภาครัฐให้เข้ามาดูแลพื้นที่และในชุมชนมุสลิม คลอง 13 แห่งนี้ เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการกักตัวและการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถไปทำงานที่ทำเป็นประจำ ขาดรายได้ รวมถึงเรื่องอาหารการกิน
นายสุดรักกล่าวว่า ส่วนชาวมุสลิมนั้นได้จัดตั้งชมรมมุสลิมอาสาพัฒนาสังคม เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านมุสลิมด้วยกันเอง และชาวพุทธในพื้นที่ ไม่ว่าจะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อและนำอาหารไปให้ผู้ที่ถูกกักตัวในพื้นที่
“อยากวอนภาครัฐให้เร่งติดตามวัคซีนเพื่อมาฉีดในชุมชน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เกรงกว่าจะมีการแพร่เชื้อไปมากกว่านี้ ขอให้ภาครัฐมองถึงความเดือดร้อนของประชาชนว่าในขณะนี้ชาวมุสลิม หมู่ 4 ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา เดือดร้อนเพียงใด” นายสุดรักกล่าว
ด้าน น.ส.ศสิยาพัชร กีระพันธุ์ ชาวมุสลิมในพื้นที่ อาชีพธุรกิจส่วนตัว กล่าวว่า ในชุมชุนมุสลิมแห่งนี้มีการติดเชื้อแล้วทั้งหมด 20 คน และผู้กักตัวประมาณกว่า 20 คน ซึ่งมาจากคลัสเตอร์โรงงานชำแหละไก่คลอง 7 ลำลูกกา เพราะมีคนในพื้นที่นี้ไปทำงานในโรงงานดังกล่าว
น.ส.ศสิยาพัชรกล่าวว่า ตนเข้าใจว่าทุกคนที่ได้รับเชื้อไม่มีใครอยากจะติดเชื้อโควิด-19 แต่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่สามารถรู้ตัวได้ ในชุมชนมุสลิม คลอง 13 เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เพียง 3 วันนี้ เชื้อก็แพร่กระจายจนติดกว่า 20 คนแล้ว อยากขอความช่วยเหลือไปยัง อบจ.ปทุมธานี ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานของภาครัฐต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือชาวมุสลิม คลอง 13 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ด้วยว่าคนในชุมชนอยากรับวัคซีนโดยด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปยังชุมชนอื่น
