บุรีรัมย์ ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ภายในก.ย.เพื่อเปิดเมืองตุลาคม
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นำทีม ปลัดและ อธิบดี สาธารณสุข ตรวจเยี่ยมและ Kick off การฉีดวัคซีน COVID-19 จังหวัดบุรีรัมย์ โดยคณะได้เดินทางไปที่สนามช้างอินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ต.อีสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ รับฟังการบรรยายแนวทางการบริหารวัคซีน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมกับมอบและส่งมอบบัตรประกันสุขภาพสำหรับบุคลากรสาธารณสุข จำนวน 10,196 กรมธรรม์
และรับฟัง นโยบายควบคุมโรค และเปิดเมืองบุรีรัมย์ โดย นายธัชกร หัตถาธยากูลผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และ แนวทางควบคุมโรคและการบริหารวัคซีนโดย นายแพทย์พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ จากนั้น นายอนุทิน มอบนโยบาย
ภายในห้องประชุม นายเนวิน ชิดชอบ หนึ่งในคณะกรรมการโรคติดต่อบุรีรัมย์ ยังได้ออกมาเปิดเผย ถึงโมเดลบุรีรัมย์ คือ ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จะมีการติดสติกเกอร์กับบัตรประชาชน ซึ่งได้ขออนุญาตกระทรวงมหาดไทยแล้ว การติดสติกเกอร์ดังกล่าว เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับผู้ให้บริการ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ถ้าใครไม่สวมหน้ากากอนามัย จะไม่ได้รับบริการจากผู้ประกอบการในจังหวัดบุรีรัมย์
ต่อมานายแพทย์พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ชี้แจงถึงแผนการดำเนินงานของจังหวัดบุรีรัมย์ ว่าตอนนี้ได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วกว่า 1.1 แสนโดส จากเป้าที่จะต้องฉีดให้ครบ 70 เปอร์เซ็นต์ คือจำนวน 1,120,562 คน โดยมีเป้าหมายที่จะฉีดให้ครบตามจำนวนดังกล่าวภายในเดือนกันยายนนี้
เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดบุรัมย์ และ สอดรับกับโครงการ ”1 ตุลาคม 2564 ทัวร์เที่ยวไทย โดยไม่กักตัว” ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการฉีดให้ครบ 70 เปอร์เซ็นต์ ในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดมาก และเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์ จัดอยู่ใน 1 ของ 9 จังหวัดเมืองท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การกระจายวัคซีน จะจัดส่งให้เท่าเทียมกันทุกจังหวัด ด้วยความเสมอภาค มีสูตรการจัดวัคซีนให้แต่ละจังหวัดอย่างไร ส่วนใหญ่จะเป็นสูตรที่หารเฉลี่ย อาจจะปรับเรื่องปัจจัยเสี่ยง ส่วนการติดสติ๊กเกอร์ที่บัตรประชาชน เพื่อแสดงให้รู้ว่าได้รับวัคซีนครบแล้ว 2 โดส ซึ่งเป็นแนวคิดของจังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นเรื่องดี เพราะอาจจะลดความยุ่งยากลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโรคติดต่อแต่ละจังหวัดว่าจะจัดการอย่างไร
