‘นครศรีธรรมราช’ ยังน่าห่วง คลัสเตอร์ใหม่โรงงานผลิตทองคำเปลว ทำยอดผู้ป่วยพุ่งวันเดียว 93 ราย
วันที่ 13 มิถุนายน ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรรมราช นายจรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช แถลงข่าวสรุปตัวเลขผู้ติดเชื้อ และสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะความคืบหน้าการเข้าสอบสวนโรคจากการแพร่ระบาดของคลัสเตอร์ใหม่ในโรงงานผลิตทองคำเปลว พื้นที่ตำบลปากพูน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า ถือเป็นวันข่าวใหญ่ในรอบปีของจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากยังไม่เคยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อมากขนาดนี้มาก่อน ซึ่งมีตัวเลขสูงถึง 93 ราย จากคลัชเตอร์ใหม่ที่เกิดขึ้นภายในโรงงานผลิตทองคำเปลว
โดยโรงงานแห่งนี้มีจำนวนลูกจ้าง จำนวน 160 คน และได้มีการสอบสวนโรคกับคนในโรงงานแห่งนี้หลังจากทราบว่ามีผู้ติดเชื้ออยู่สองคน แต่คนที่สงสัยมากสุดก็คือผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม และรักษาต่อเนื่องที่โรงพยาบาลท่าศาลา ที่มีตารางหมอนัดไปตรวจตามปกติ ช่วงหลังมามีอาการไข้ด้วยทางแพทย์ก็ได้มีการตรวจก็พบว่าผลเป็นบวก ทีมงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราชก็เข้าตรวจลูกจ้างในโรงงานทั้ง 160 คน พร้อมบุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับบุคคลในโรงงานดังกล่าว รวมมีการส่งตรวจเชื้อทั้งสิ้น 214 ตัวอย่าง และการตรวจพบเชื้อ 93 ราย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเสี่ยงสูงอีกกว่า 200 คน ที่อยู่ระหว่างการกักตัว
นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังได้กล่าวถึง การระดมทีมแพทย์-พยาบาล,จนท.สาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเชิงรุก พื้นที่โดยรอบ วัดท่าแพ และรอบโรงงานทองคำเปลว ,ม.1 ต.ปากพูน อ.เมือง โดยมีกลุ่มเสี่ยง เกือบ 1 พันคน ในวันนี้ ยังพบยอดผู้ติดเชื้อสูง น่าจะถึง 60 ราย ต้องรอยืนยันผลตรวจแน่ชัดอีกครั้งแจ้งยอดผู้ติดเชื้อได้จริงในเช้าวันถัดไป และยอดจะสูงลักษณะนี้ อีก2-3 วัน เพราะลงลึกถึงครอบครัวและผู้สัมผัสเสี่ยงภายในครอบครัว
อย่างไรก็ตาม อีก15 วันเปิดภาคเรียนคาดว่าจะทันสถานการณ์ ขอชุมชนรอบๆ และประชาชนทั่วไปยกการ์ดสูงระมัดระวัง เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในภาพรวมของจังหวัดนครศรีธรรมราช วันนี้(13 มิ.ย.64) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 93 ราย แยกเป็นผู้ป่วยในอำเภอเมือง 55 ราย อำเภอพรหมคีรี 24 ราย อำเภอท่าศาลา 10 ราย อำเภอทุ่งใหญ่ 2 ราย อำเภอปากพนัง 1 ราย และอำดภอนาบอน 1 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม จำนวน 1,069 ราย อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 214 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้วสะสม จำนวน 838 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม จำนวน 17 ราย
