ว่าที่เจ้าสาวโร่แจ้งความ เอาแหวนเพชร 1.2 แสน ไปให้ร้านทองปรับขนาด แต่ร้านทำหาย

ช่างตัดเสื้อ ว่าที่เจ้าสาวสตูล โร่แจ้งความ หลังร้านทองนำแหวนเพชรมูลค่าแสนบาทหาย

วันที่ 16 มิถุนายน จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว เจ้าสาวช่างตัดเสื้อสตรีจังหวัดสตูลร้องเรียนสื่อหลังนำแหวนเพชรมูลค่า 4,200 ดอลล่า หรือ 120,000 บาทไทยโดยมีใบรับประกันจากร้านเพชรจริงโชว์นักข่าว โดยบอกว่าตนเตรียมจะแต่งงานจากแฟนหนุ่มชาวออสเตเรียโดยนำแหวนไปปรับไซร้ ที่ร้านทองแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่2เมษายน ผ่านไปจนถึงวันที่ 9 มิถุนายน ทวงถามไปหลายครั้ง จนขอแหวนเพชรคืนกลับได้รับคำตอบว่าทางร้านแจ้งมาว่าได้ทำแหวนเพชรหาย

ล่าสุดวันนี้ นางสาวสุพรรษา พัสสระ อายุ 36 ปี (ช่างตัดเสื้อสตรี) อยู่บ้านเลขที่ 275 หมู่ 2 ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล เจ้าของแหวนเพชร พร้อมด้วยนายนิคม แก้วทอง ทนายความ เดินทางไปยัง สภ.อ.ละงู จ.สตูล เพื่อแจ้งความดำเนินคดี ต่อร้านทองดังกล่าว

โดยนางสาวสุพรรษาบอกว่า จากกรณีดังกล่าว ตนได้ให้โอกาสทางด้านคู่กรณีได้ชดใช้ค่าเสียหาย โดยเรียกค่าเสียหาย 120,000 บาท ตามราคาของแหวนเพชร ที่แฟนชาวออสเตรเลียได้ซื้อมาจากร้านเพชรในประเทศออสเตรเลีย เพื่อเป็นแหวนใช้ในงานแต่งงานหลังหมดโควิด-19 โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องการให้ทางร้านทองดังกล่าว พาตนเองไปซื้อเพชรใหม่ที่ร้านเพชรโดยตรงเพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่เมื่อได้คุยกับคู่กรณีแล้วกลับได้รับการปฏิเสธ โดยขอแสดงความรับผิดชอบแค่จะสั่งทำแหวนเพชรวงใหม่ให้เหมือนกับวงเดิม แต่เมื่อนางสาวสุพรรษา ได้โทรไปปรึกษาแฟนที่ต่างประเทศ แฟนกลับปฏิเสธ โดยยืนยันต้องชดใช้เป็นเงินอย่างเดียว จึงไม่สามารถตกลงกันได้

โดยวันนี้นางสาวสุพรรษา ได้นำหลักฐานที่มีส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ละงู เพื่อประกอบสำนวนคดี พร้อมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแหวนวงดังกล่าว มีคุณค่าทางจิตใจต่อตนเองยิ่งนัก เพราะมันเป็นแหวนเพชรที่แฟนของตนซื้อให้เพื่อเป็นแหวนแต่งงาน แต่ตนกลับทำหาย แต่ก็ยังดีใจที่แฟนชาวต่างชาติของตนเข้าใจ และปลอบใจเธออยู่ตลอดว่าไม่ต้องคิดมาก แต่สำหรับในเรื่องของคดีความแฟนชาวออสเตรเลียของตนก็ยืนยันสู้คดีความให้ถึงที่สุด เพราะแหวนวงนั้นมีความสำคัญต่อเราทั้งสองมาก

Advertisement

ด้านนายนิคม แก้วทอง ทนายความผู้เสียหาย ระบุว่า สำหรับในเรื่องของทางคดีความ จากหลักฐานที่ทางผู้เสียหายนำมาประกอบการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนนั้น คิดว่าน่าจะเพียงพอต่อการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีได้ โดยได้มอบหลักฐานทั้งหมดแก่เจ้าพนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย

ขณะที่ทางผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปที่ร้านทองเพื่อข้อทราบข้อมูลที่เท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย แต่กลับถูกปฏิเสธและไม่พร้อมจะให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปที่ร้าน โดยให้ทนายของทางร้านทองติดต่อมา โดยบอกเพียงว่าเพราะรับว่าความ โดยเบื้องต้นทราบแต่เพียงว่าทางร้านยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายด้วยการทำแหวนให้ใหม่ และยอมรับว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่คิดจะปัดความรับผิดชอบ เพราะมูลค่าทรัพย์สินของร้านทองก็มีมูลค่ามากกว่าที่จะไม่ชดใช้ให้ผู้เสียหาย โดยขอรวบรวมเรื่องราวความเป็นมาก่อนที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image