ชาวโยธะกาไม่สิ้นหวัง ปรับทิศศิวลึงค์ คอยฝนอีกครั้ง หลังฝนพรำแต่ไม่ได้น้ำตามต้องการ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายชำนาญ แก่นทองแดง อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ในวันนี้เมื่อเวลา 08.00 น. ได้นำชาวบ้านกลับมาร่วมกันบูรณะแท่งศิวลึงค์ที่กำลังจะแตกสลายลงไปใหม่อีกครั้ง ด้วยการนำแผ่นพลาสติกใสมาม้วนพันเพื่อพยุงรัดดินเหนียวที่มีรอยแตกร้าวปริแยกออกจากกันเป็นโพรงขนาดใหญ่ ให้ยังทรงตัวอยู่ได้ พร้อมกับใช้เชือกกล้วย มาพันรัดทับไว้ เพื่อให้ศิวลึงค์ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ต่อไปได้อีก 7 วัน ก่อนที่จะใช้รถไถใหญ่ หรือรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรมาช่วยในการปรับหมุนเปลี่ยนทิศทางจากเดิมที่ตั้งหันหน้าไปทางทิศเหนือ ให้เปลี่ยนเป็นการตั้งขวางตะวัน หรือหันหน้าไปทางทิศตะวันตกแทน เนื่องจากในการตั้งศิวลึงค์ในอดีตเมื่อครั้งก่อนๆ นั้นส่วนใหญ่เป็นการตั้งขวางตะวัน ด้วยการหันหน้าไปทางทิศตะวันตก

นายชำนาญกล่าวว่า ปีนี้ไม่ได้ปั้นลึงค์ขึ้นมาในจุดเดิม ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณกว่า 100 เมตร บริเวณทางแยกเข้าสู่หมู่บ้าน จึงได้มีการปั้นไปตามทิศทางของถนนในแนวขวาง หันด้านหน้าขึ้นทิศเหนือแทน ทำให้เมฆฝนใหญ่ลอยผ่านไปผ่านมา ไม่ตกลงมาในพื้นที่ตามที่ต้องการสักที โดยฝนที่ได้ในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เป็นเพียงฝนที่ให้น้ำได้ไม่มากนัก แม้จะตกพรำลงมาเกือบตลอดทุกวันก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีน้ำขังในท้องทุ่ง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“การกระทำทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลของชาวบ้านในพื้นที่ ต.โยธะกา ที่ทำมาแล้วได้เกิดความสบายใจ และไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน จึงไม่อยากให้สังคมภายนอกนำไปเป็นประเด็นดราม่าวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคม และขอให้เคารพสิทธิในทางความเชื่อ ความศรัทธาของแต่ละชุมชนที่เคยกระทำกันมาแต่โบราณเมื่อครั้งเก่าก่อนด้วย อีกทั้งผมและชาวบ้านในพื้นที่ก็ไม่เคยไปตำหนิ หรือดูแคลนทางความเชื่อของคนในชุมชนอื่นๆ หรือพื้นที่อื่นมาก่อนด้วย

“ปีนี้ชาวบ้านโยธะกาเดือดร้อนกันหนักจริงๆ เพราะฝนตกน้อย และน้ำเค็มยังหนุนสูง จากในอดีตน้ำเค็มจะต้องร่นถอยลงไปจนถึงในเขตพื้นที่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา แล้ว ตั้งแต่ในช่วงของปลายสงกรานต์ หรือก่อนสิ้นเดือน เม.ย. จนถึงต้นเดือน พ.ค.ของทุกปี แม้จะไม่มีฝนตกลงมา หากน้ำในแม่น้ำบางปะกงจืด ชาวบ้านก็ยังสามารถสูบน้ำจากคลองสาขา เช่น คลอง 19 ขึ้นมาใช้ประกอบอาชีพทำการเกษตรได้” นายชำนาญกล่าว

Advertisement

นายชำนาญกล่าวต่อว่า แต่เมื่อมีการสร้างเขื่อนขึ้นในพื้นที่ทางตอนบน ทั้ง จ.ปราจีนบุรี และนครนายก จึงทำให้ไม่มีน้ำจืดจากฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ทางตอนบนไหลลงมาช่วยผลักดันน้ำเค็มให้ร่นถอยลงไปตามลำน้ำเหมือนเดิมได้ ชาวบ้านที่อยู่ทางตอนกลางของลำน้ำจึงไม่สามารถประกอบอาชีพทำกิน ที่ทำกันมาแต่ดั้งเดิมได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image