เกษตรกรเลี้ยงปลากระชังริมน้ำโขงนครพนม โอดเจอพิษโควิด ปลากระชังขายไม่ออก ตกค้างเกือบ 100 ตัน ผู้ว่าฯลงพื้นที่ตรวจสอบ หาทางช่วยเหลือ เพิ่มช่องทางการตลาด ตั้งจุดขายช่วยเหลือ แก้ปัญหาขาดทุน
วันที่ 18 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม ในช่วงนี้สถานการณ์โควิดไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ในพื้นที่ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้า ธุรกิจโรงแรมที่พัก รายได้ลดลง ยังส่งผลกระทบต่ออาชีพการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรกรเลี้ยงปลากระชัง ในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขตพื้นที่ อ.เมือง อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงส่งผลผลิตปลากระชังออกขายสู่ตลาดน้ำหนักตัวละประมาณ 1 กิโลกรัม แต่ในช่วงนี้ได้รับผลกระทบด้านการตลาด ไม่มีพ่อค้า แม่ค้า มารับซื้อ ทำให้ต้องแบกภาระต้นทุนในการเลี้ยง อีกทั้งเสี่ยงขาดทุนจากปัญหา ปลากระชังน็อกน้ำตาย ในช่วงฤดูฝนน้ำหลาก เนื่องจากปรับสภาพไม่ทัน ทำให้ราคาตกต่ำ จากประมาณกิโลกรัมละ 50 -60 บาท ลดเหลือ 30 -40 บาท โดยจากกการตรวจสอบข้อมูลของจังหวัดนครพนม พบว่ามีปลานิลแปลงเพศ ที่เลี้ยงในกระชังตกค้างเกือบ 100 ตัน พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลช่วยเหลือระบายด้านการตลาด
ล่าสุดทางด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พานิชย์จังหวัดนครพนม ประมงจังหวัดนครพนม นายอำเภอท่าอุเทน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ ริมฝั่งน้ำโขง อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งเลี้ยงปลากระชัง หลาย 10 ราย กำลังได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาการตลาด ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้จำหน่ายได้น้อยลง
โดยเบื้องต้น ได้มอบหมายให้ประมงจังหวัดนครพนม ประสานทางโรงเรียน หน่วยงานราชการที่มีการทำโรงเลี้ยงอาหารกลางวันช่วยอุดหนุนไปประกอบอาหาร ให้ประสานท้องถิ่นในการออกเร่จำหน่ายปลานิลตามชุมชนต่าง ๆ ให้เพิ่มมากขึ้น ส่วนของพาณิชย์จังหวัดนครพนมให้ประสานจังหวัดข้างเคียงในการหาตลาดรับซื้อ ตลอดจนประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตั้งจุดจำหน่าย เพื่อช่วยด้านการตลาด ในส่วนของระยะยาวนั้นทางกลุ่มเกษตรกรได้มีการวางแผนจัดตั้งเป็นเกษตรแปลงใหญ่ผู้เลี้ยงปลานิลในกระชัง ซึ่งจะมีการวางแผนการผลิตด้วยการเลี้ยงไม่ให้ปลาเจริญเติบโตเต็มวัยพร้อมกันในครั้งเดียวเหมือนปัจจุบัน แต่จะให้ผลผลิตทยอยออกสู่ท้องตลาด รวมถึงเตรียมแผนการแปรรูปเป็นปลาร้า เพื่อส่งจำหน่ายแทนการจำหน่ายปลานิลสด ที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาล้นตลาดในอนาคต
