โคราชคลายล็อก นั่งดริงก์ในร้านได้ ห้างฯ-โรงหนัง ให้เปิดบริการตามเวลาปกติ

โคราชคลายล็อก นั่งดริงก์ในร้านได้ ห้างฯ-โรงหนัง ให้เปิดบริการตามเวลาปกติ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 มิถุนายน ที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รอง ผวจ.นครราชสีมา ในฐานะรองประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาพร้อมนายแพทย์วิญญู จันทร์เนตร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ร่วมประชุมครั้งที่ 102/2564 ผ่านเครือข่าย (Web Conference) โปรแกรม ZOOM

ในระเบียบวาระการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุม การแพร่ระบาดโรคติดต่อในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา การติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการและข้อสั่งการของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ 32 อำเภอ พบผู้ป่วยระลอกใหม่ 7 ราย อยู่ในพื้นที่ อ.เมือง 4 ราย อ.โนนสูง 2 ราย และ อ.วังน้ำเขียว 1 ราย รวมยอดสะสม 1,052 ราย เสียชีวิต 14 รายและรักษาหาย 929 ราย

ในระเบียบวาระที่ 4 เพื่อพิจารณา นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาผู้ กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงนามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง มาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังสูง ด้วยความร่วมมือของบุคลากรภาครัฐ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และประชาชน ช่วยให้สถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด – 19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

Advertisement

จึงสมควรปรับปรุงมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม รวมทั้งผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ ให้ประชาชนสามารถประกอบกิจกรรม อันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพได้มากขึ้น ควบคู่กับการใช้มาตรการควบคุมโรคที่มุ่งเน้นเฉพาะเป้าหมายกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องคู่ขนานไปกับมาตรการด้านสาธารณสุข

ความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ตามมติที่ประชุม ฯ ได้ออกคำสั่งจังหวัดนครราชสีมา ดังนี้ข้อ

1. มาตรการปิดสถานบริการหรือพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ดังต่อไปนี้ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง 1.1 สถานบริการ ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 1.2 สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน 1.3 สถานประกอบกิจการอาบ อบ นวด 1.4 สถานประกอบกิจการอาบน้ำ สถานประกอบกิจการอบไอน้ำ อบสมุนไพร 1.5 สนามชนไก่ สนามซ้อมชนไก่ สนามกัดปลา หรือ สถานที่แข่งสัตว์อื่น ๆ 1.6 โต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด 1.7 สถานที่เล่นโบว์ลิ่งหรือตู้เกม เครื่องเล่นเกม1.8 ร้านเกม และร้านอินเทอร์เน็ต 1.9 สนามม้า ,

Advertisement

2. การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การสวมหน้ากากอนามัยหรือ หน้ากากผ้าอย่างถูกวิธีตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เมื่ออยู่นอกเคหสถาน หรือเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เว้นแต่เป็นผู้ขับรถยนต์และไม่มีผู้โดยสาร ยังคงเป็นข้อปฏิบัติและมาตรการป้องกันโรคที่สำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่หรือรับเชื้อเมื่อพบผู้ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนและสั่งให้ผู้นั้นปฏิบัติให้ถูกต้อง ถ้าผู้นั้นไม่ปฏิบัติตาม ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ

3. โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาทุกประเภท ให้สามารถใช้อาคาร หรือสถานที่ เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ได้ตามความเหมาะสม และความพร้อมโดยรูปแบบของการดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางการจัดระเบียบและระบบต่าง ๆ คำแนะนำของทางราชการและมาตรการป้องกันโรคที่ ทางราชการกำหนด ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข

4. สนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกาย ยิม ฟิตเนส สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ และสามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้ โดยต้องคัดกรองผู้เข้าใช้บริการ จำกัดจำนวนผู้เล่น ผู้ชม กรณียิม ฟิตเนส ให้จำกัดผู้ใช้บริการไม่เกินครึ่งหนึ่งและเว้นระยะห่างของอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างน้อย 2 เมตร กรณีสนามกีฬาหรือสถานที่ออกกำลังกายให้จำกัดจำนวนผู้เข้าชมไม่เกินครึ่งหนึ่ง เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย1 เมตร รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด และบันทึกข้อมูลคัดกรองบุคคลที่เข้าใช้บริการผ่านระบบแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” หรือจะทำบัญชีผู้ใช้บริการ

5. ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดให้บริการได้ ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องจัดให้มีมาตรการคัดกรองผู้เกี่ยวข้อง การจัดระเบียบผู้เข้าใช้บริการ โดยลดจำนวนที่นั่งภายในร้านลงครึ่งหนึ่ง จำกัดจำนวนผู้มาใช้บริการไม่ให้แออัด ห้ามใช้ภาชนะร่วมกัน เว้นระยะห่างตามคำแนะนำและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 อย่างเคร่งครัด

6. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงภาพยนตร์ ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้น “ ยกเว้นส่วนที่เป็นตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม และสวนสนุก ที่งดการให้บริการ และให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการจัดระเบียบและระบบต่าง ๆ คำแนะนำของทางราชการ รวมทั้งกฎหมาย กฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบันทึกข้อมูลและคัดกรองบุคคลที่เข้าใช้บริการผ่านระบบแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” หรือจะทำบัญชีผู้ใช้บริการไว้ด้วยกรณีโรงภาพยนตร์ ให้จำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละรอบไม่เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนที่นั่ง การนั่งชมภาพยนตร์ให้นั่งติดกันได้ไม่เกินสองที่นั่งแล้วให้เว้นระยะห่างสองที่ นั่ง มีการคัดกรองผู้เข้าชมผ่านระบบแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ที่บริเวณทางเข้าโรงภาพยนตร์ของแต่ละแห่ง รวมทั้งต้องยินยอมให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเข้าตรวจสอบ สังเกตการณ์ และปฏิบัติตามคำแนะนำ คำสั่ง ของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อโดยเคร่งครัด

7. ให้การจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลไม่เกิน 200 คน สามารถกระทำได้โดยต้องขออนุญาตต่อ ศปก.ในพื้นที่รับผิดชอบ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมที่ดำเนินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรคการจัดกิจกรรมตามวรรคหนึ่งให้ดำเนินการตามวิธีการและมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด

8. มาตรการเกี่ยวกับการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว กรณีผู้ประกอบการ หรือนายจ้างของแรงงานต่างด้าว มีความประสงค์เดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้าหรือออกพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อทำงาน ให้แจ้งสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมาทราบ ก่อนวันเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ไม่น้อยกว่า 7 วัน (เจ็ดวัน) เพื่อเสนอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา พิจารณาอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวเดินทางเพื่อทำงานข้ามจังหวัดได้ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัดกรณีการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเพื่อการทำงานในเขตจังหวัดนครราชสีมาให้ปฏิบัติตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม

ประกาศฉบับนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย. เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือเป็นความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี รวมทั้งเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image