‘พิพัฒน์’ตรวจความพร้อม ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ มั่นใจพร้อมเต็ม 100% พร้อมรับนักท่องเที่ยวคนแรกที่ลงจากเครื่องบิน พร้อมเสนอประเทศไทยเป็นพื้นที่สีเขียวของโลก
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน ที่ห้องประชุมชั้น 5 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานภูเก็ต นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมซักซ้อมเตรียมความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ Phuket Sandbox (ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์) โดยมีนายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม
นายพิพัฒน์กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดูถึงการเตรียมความพร้อมจังหวัดภูเก็ต ในการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในวันที่ 1 ก.ค. ทั้งนี้ จากการหารือกับหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดูแลภูเก็ต และฟังบรรยายสรุปแต่ละหน่วยงานถือว่าความพร้อมของจังหวัดภูเก็ตทุกหน่วยงานวันนี้ มั่นใจว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์พร้อมแล้ว 100% อาจมีอะไรบกพร่องบ้าง แต่เชื่อว่าก่อนถึงวันที่ 1 ก.ค.ทุกอย่างเพอร์เฟกต์
นายพิพัฒน์กล่าวว่า เราพร้อมรับนักท่องเที่ยวคนแรกที่ก้าวลงจากเครื่องบิน เข้าสู่แผ่นดินไทยโดยผ่านท่าอากาศยานภูเก็ต ในวันที่ 1 ก.ค. มี 4 สายการบินที่จะเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยประมาณการ 200-300 คน หลังจากนั้นเมื่อมีการบอกต่อกัน หรือที่กำลังรอการตัดสินใจเมื่อเห็นว่าภูเก็ตเปิดสมบูรณ์แบบแล้วทำการตัดสินใจเดินทางเข้ามาภูเก็ต
“จากการประเมินของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประมาณการว่าใน 3 เดือนแรก ก.ค.-ก.ย. ขั้นต่ำจะมีรายได้เข้ามาท่องเที่ยวประมาณ 9,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 1 แสนคน เหตุที่การประมาณการรายได้ลดลงเนื่องจากอดีต มีส่วนหนึ่งมาจากประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าให้เข้ามากักตัวในภูเก็ตเพียง 7 วัน แต่เพราะมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นจากทุกมุมโลก โดยเฉพาะประเทศไทยประสบปัญหานี้ด้วย ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงเพิ่มจาก 7 วัน เป็น 14 วัน เพื่อความมั่นใจและความมั่นคง
“โดยเฉพาะชาวภูเก็ตจะได้สบายใจว่ามีการอยู่ 14 วัน การระบาดออกไปจังหวัดอื่น ต้องไม่มีเป็นการสร้างความมั่นใจให้คนไทยโดยเฉพาะคนภูเก็ต เป็นที่มาของการทำให้รายได้ลดลงไปบางส่วน และเมื่อผ่านเดือนแรกไปแล้ว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมและกันยายนมากขึ้น ประมาณการที่หายไป 30,000 คนจะหวนกลับคืนมาใหม่” นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่สุดคือ หลังจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไปจนถึงปีหน้า ต้องมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวไทย โดยเฉพาะใน 3 เดือนสุดท้ายของปีเป็นฤดูหนาวของยุโรป อเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น หวังว่าจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ภายใต้ความปลอดภัย New Normal สำคัญที่สุดพวกเราต้องป้องกันตัวเองในมาตรการ D M H T T A ให้เคร่งครัด
นายพิพัฒน์กล่าวอีกว่า ส่วนตลาดรัสเซียที่ยังเข้ามาไม่ได้นั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและ ททท.มีความกังวลมาก เขาอยู่ในสถานะประเทศที่มีความเสี่ยงสูง เราจะรับเฉพาะประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เสี่ยงกลาง เมื่อเขาได้รับวัคซีนมาก การติดเชื้อลดลง ซึ่งเสียดาย 2 ประเทศ ที่ยังเข้าไทยไม่ได้คือสวีเดน รัสเซีย เขามีความต้องการเข้ามาไทย อีก 500,000 คน ในอดีตชาวรัสเซียเข้ามาเมืองไทย ประมาณ 2 ล้านคน แถบสแกนดิเนเวียนมาภูเก็ตและไปเขาหลักพังงา กระบี่ เขาอยากมาเที่ยวก่อนคริสต์มาส เพราะในวันที่ 26 ธ.ค.เป็นวันเกิดสึนามิ จะมารำลึกสึนามิ แต่อย่ากังวล เพราะกระทรวงสาธารณสุขจะประกาศทุก 2 สัปดาห์ว่าประเทศใดเสี่ยงสูง กลาง ต่ำ ให้อดใจรอ เชื่อว่าในอนาคตจะได้ต้อนรับสวีเดน รัสเซีย อินเดีย
“นอกจากนี้ สิ่งที่เคยกล่าวขานในอดีตของภูเก็ต เรื่องมาเฟียรถแท็กซี่ วันนี้ไม่มีแล้ว แท็กซี่ทุกคันที่มารับนักท่องเที่ยวจากท่าอากาศยานต้องไปลงทะเบียนเป็นการปลดล็อก หรือคลายความกังวลที่นักท่องเที่ยวในอดีตเคยประสบเจอความไม่เป็นธรรมของแท็กซี่ที่มารับนักท่องเที่ยว” นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์กล่าวต่อไปว่า ในอนาคตจะเสนอประเทศไทยเป็นพื้นที่สีเขียวของโลก คือมีเกาะหนึ่งในเดนมาร์ก มีประชากรกว่า 50,000 คน แต่เมื่อเขาเปิดเกาะมีคนติดเชื้อโควิดประมาณ 600-700 คน แล้วมีนักท่องเที่ยวเข้ามาได้รับการประกาศจากองค์การการท่องเที่ยวอังกฤษ ประกาศว่าหมู่เกาะฟาโรเป็นพื้นที่สีเขียวที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยว
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ขณะเดียวกันเกาะภูเก็ตมีประชากรถึง 500,000 คนโดยประมาณ มีมากกว่า 10 เท่าของหมู่เกาะฟาโร และเรามีผู้ติดเชื้อใกล้เคียงกับหมู่เกาะฟาโร ถ้าในภูเก็ต 14 วันแรกที่เปิดเมืองไม่มีเหตุการณ์วิกฤตที่รุนแรง เชื่อว่าองค์กรที่เคยประกาศให้หมู่เกาะฟาโรต้องประกาศให้ภูเก็ตเป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งจากการสื่อสารเขาบอกว่าถ้าทำได้ เขาประกาศให้เราแน่นอน
“ดังนั้น การประกาศเป็นการการันตีว่าภูเก็ตบริสุทธิ์ เชิญชวนคนมาเที่ยวภูเก็ตได้ แต่จะไม่เฉพาะภูเก็ต จะทำให้ประเทศไทยบริสุทธิ์ เพื่อให้เขามาเที่ยวประเทศไทยอย่างสบาย สบาย” นายพิพัฒน์กล่าว
