จากกรณีนายวิเชียร หรือตูบ ชาลีผาม อายุ 41 ปี ใช้มีดพร้าฟันศีรษะนายเป ชาลีผาม อายุ 72 ปี พ่อของตนเองเสียชีวิต ภายในบ้านใน ต.แดงใหญ่ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ ก่อนลากศพไปฝังอำพรางหลังบ้านแล้วหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นางฉวีวรรณ พิมพ์พวง อายุ 62 ปี น้องสาวผู้ตาย เล่าว่า ตนไปอยู่ต่างอำเภอกับครอบครัว ทราบว่าพี่ชายที่เสียชีวิตได้เอาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ของตัวเอง และของลูกชาย จำนวน 2 บัตร ไปจำนำกับร้านค้าแห่งหนึ่ง ใน อ.พุทไธสง เป็นจำนวนเงิน 2,500 บาท ต่อมานายตูบได้ไปทวงเอาเงินส่วนของตนเองคือ 1,250 บาท ที่พ่อเอาไปจำนำมา แต่ถูกพ่อปฏิเสธ ซึ่งน่าจะเป็นชนวนเหตุที่หลานไปก่อเหตุฆ่าพ่อตัวเอง แล้วเอาศพไปฝังดินหลังบ้านดังกล่าวก่อนหลบหนีไป
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นางไสว แสงนวล อายุ 51 ปี น้องสาวนายเป ผู้เสียชีวิต บอกว่า หลังทราบข่าวได้เดินทางมาจากต่างอำเภอ เห็นภาพแล้วรับไม่ได้ ไม่คิดว่าหลานจะทำกับพ่อตัวเองได้ถึงขนาดนี้ และอยากฝากถึงหลานให้กลับมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ส่วนทางครอบครัวให้อภัย สิ่งที่อยากจะถามหลาน ถ้าได้เจอหน้าคือทำได้อย่างไร คิดอย่างไร เพราะนั่นคือพ่อที่ให้กำเนิดมา
นางปิยวรรณ ดอนไธสง อายุ 35 ปี ญาติผู้เสียชีวิต บอกว่า ปกตินายตูบจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ที่ผ่านมาสองพ่อลูกมักจะทะเลาะกันเป็นประจำ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเงิน ถ้าลูกชายขอเงินไม่ได้จะมีปากเสียงทันที นายตูบชอบกินน้ำอัดลม จะเดินไปซื้อร้านค้าวันละประมาณ 10 ครั้ง เท่ากับต้องใช้เงินค่าน้ำอัดลมประมาณ 100 บาทต่อวัน แต่นายตูบไม่ได้ทำงาน จึงมาขอพ่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์จะลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ ซึ่งหากมีการรับจำนำบัตรคนจนจริง จะเข้าข่ายการกระทำผิดกับ 3 ฝ่าย คือผิดระเบียบของกระทรวงการคลัง ผิดระเบียบของกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุชัดเจนว่า ห้ามยึดบัตรของประชาชน ซึ่งจะถูกเพิกถอนสิทธิ และตำรวจจะต้องมีการแจ้งข้อหาร้านค้าฐานฉ้อโกง
