วัดภูม่านฟ้า แจงดราม่า หลังชาวเน็ตกัมพูชาถล่ม ยันไม่ได้ลอก นักวิชาการชี้ 2 ชาติมีวัฒนธรรมร่วม

วัดภูม่านฟ้า แจงดราม่า หลังชาวเน็ตกัมพูชาถล่ม ยันไม่ได้ลอก นักวิชาการชี้ มิติวัฒนธรรมไม่มีอาณาเขต

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม กรณี คนดัง เน็ตไอดอล รวมถึงกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชาประสานสถานทูตให้ตรวจสอบ การก่อสร้าง “วัดภูม่านฟ้า” อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าเป็นการสร้างเลียนแบบ นครวัด ของกัมพูชา พร้อมกับยกตัวอย่างประเทศอินเดีย ที่พยายามสร้างปราสาท เลียนแบบนครวัด ส่งผลให้ประเทศอินเดียมีอันเป็นไป คือเมื่อปี 2015 ในอินเดียแล้งและร้อนสุด รวมถึงการโยงถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นโรงงานสารเคมีระเบิดในปัจจุบันืว่าจะเกี่ยวกับโรงแรมที่สร้างในประเทศไทยคล้ายปราสาทในกัมพูชา หรือไม่

(ชมคลิป)

ความคืบหน้าล่าสุดนายขัตติยา ชัยมณี วัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุหลังเดินทางไปตรวจสอบที่วัดภูม่านฟ้า บ้านสิงห์ ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตาเปล่าแล้ว ไม่ใช่เป็นการเลียนแบบของนครวัดชัดเจน แต่เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศ จะมีความละเอียดอ่อน จึงทางสำนักศิลปกรภาค 10 คงจะรายงานไปที่กระทรวงต่างประเทศ เพื่อแจ้งเป็นเอกสารให้กับสถานสถานทูตของกัมพูชาต่อไป ทั้งนี้ไม่อยากให้มีคนออกความคิดเห็นกันมาก เพราะในเรื่องเหล่านี้ตามกฎหมาย ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด เนื่องจากปราสาทในลักษณะดังกล่าวมีเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการสร้าง

Advertisement

รศ.ดร.สมมาตร ผลเกิด นักวิชาการโบราณคดีอิสระ กล่าวว่า เรื่องนี้เราต้องมองมิติของวัฒนธรรม ไม่ใช่มองมิติของการเมือง การปกครอง เพราะมิติวัฒนธรรม จะไม่มีอาณาเขต คนดินแดนกัมพูชา กับคนดินแดนของคนอีสานใต้ เคยมีบรรพบุรุษร่วมกัน ไปมาหาสู่กัน เพิ่งไม่ได้ไปหากันหลังจากประเทศฝรั่งเศสมาปกครองประเทศกัมพูชา เท่านั้น

“ในประเทศไทยมีปราสาทนับร้อยแห่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับประเทศกัมพูชา ดังนั้นกรณีวัดภูม่านฟ้า จึงไม่ใช่เป็นการเลียนแบบแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับเป็นการสื่อสารทางวัฒนธรรม ที่ทั้งสองประเทศมีคล้ายกัน เท่ากับมีวัฒนธรรมร่วมกัน ไม่ควรมาแยกว่าเป็นของใคร”

ด้านพระอาจารย์ลำหรับ อายุ 48 ปี พระลูกวัดผู้ออกแบบ กล่าวว่า ไม่เคยจะคิดลอกเลียนแบบมาจากที่ไหน ทั้งหมดเกิดจากจิตนาการ ถ้าดูให้ชัดทุกจุดจะมีลวดลายที่ไม่เหมือนกัน ยืนยันไม่ได้ลอกเลียนแบบจากนครวัด

ล่าสุด วัดภูม่านฟ้า พญาช้างร้อง ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

“จากเหตุการณ์ที่เกิดการขัดแย้งกันของคนไทยและกัมพูชานั้น

ทางวัดขอชี้แจงว่า การก่อสร้างของวัดภูม่านฟ้าไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากที่ใดทั้งสิ้น ทางวัดขอยืนยันทั้งรูปแบบ ลวดลาย ศิลปะ วัตถุประสงค์ในการสร้างทั้งหมด ทางวัดสร้างปราสาทเพื่อประดิษฐถานพระพุทธรูปไว้ภายในทั้งสามปราสาท หรือจะเรียกว่าเป็นหอพระก็ได้

เพียงแต่การสร้างเราใช้หินทรายในการก่อสร้าง แต่ที่เป็นเหตุขัดแย้งกันนั้นเกิดการเข้าใจผิด และมุมจากภาพถ่ายที่ถ่ายมาแล้วสวยงามตามความคิดของช่างภาพแต่มุมมองมองแล้วทำให้คิดว่าเป็นปราสาทสามยอดของกำพูชา”

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตกัมพูชา ยังได้เข้ามาคอมเมนต์ในเพจอีกจำนวนไม่น้อย ว่าไทยลอกเลียนแบบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image