อุดรฯ ผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูง กักตัว 697 พนักงานโรงงานน้ำตาลบ้านผือ รอลุ้นผลตรวจติดเชื้อหรือไม่

อุดรฯยังเดินหน้าส่งรถบัส รับลูกหลานกลับบ้านต่อ แม้หลายหน่วยมีแผนจัดส่งด้วย ทำยอดผู้ป่วยพุ่งขึ้นต่อเนื่อง รพ.ขยายเตียงทุกแห่ง รพ.สนาม 1 ใกล้เต็ม รพ.สนาม 2 พร้อมรับ ส่วน 2 คลัสเตอร์ใหม่ รง.น้ำตาล กักตัว-ตรวจเชื้อยกโรงงานรอผล ส่วนครอบครัวใหญ่เชียงพิณเชื่อเอาอยู่ ด้านหมอดูแลผู้ป่วยสีแดง ยอมรับเริ่มล้า แต่มีบุคลากรแผนอื่นมาช่วย ทุกคนทำงานเต็มที่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุข (สสจ.) อุดรธานี พญ.สุรีรัตน์ วัชรสุวรรณเสรี อายุรแพทย์ โรคติดเชื้อ รพ.ศูนย์อุดรธานี ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่อุดรธานี จากสถานการณ์ของประเทศยังสูงอยู่ ทำให้ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเดินทางกลับภูมิลำเนาอยู่ โดยอุดรธานีพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 148 ราย เป็นผู้ติดเชื้อมาจากพื้นที่เสี่ยง 137 ราย (เป็นผู้ป่วยยื่นยันแล้ว 23 ราย) ทำให้ยอดสะสม 2,324 ราย หายกลับบ้าน 1,077 ราย รักษาตัวอยู่ 1,225 ราย เสียชีวิตสะสม 22 ราย (ไม่เสียชีวิตต่อเนื่อง 2 วัน)

สำหรับผู้ป่วยเดินทางกลับมาต่อเนื่อง ทุกโรงพยาบาลรวมเป็นหนึ่งโดย รพ.ศูนย์อุดรธานี ดูแลผู้ป่วย “สีแดง” และผู้ป่วยในเขต อ.เมือง มีผู้ป่วย 168 ราย เป็นผู้ป่วยใสท่อช่วยหายใจ 13 ราย ใช้เครื่องออกซิเจนแรงดันสูง 23 ราย และดูแลผู้ป่วยสีเขียวที่ศูนย์โฮมฮัก (รพ.สนาม 1) 579 ราย ศูนย์มรกต (รพ.สนาม 2) พร้อมใช้งาน ขณะที่ รพ.บ้านผือ , เพ็ญ , บ้านดุง , หนองหาน และกุมภวาปี ได้เพิ่มเตียงและขีดความสามารถ ให้สามารถรับผู้ป่วย “สีเหลือง” เพิ่มขึ้น บาง รพ.เปิดหวอดนอกโรงพยาบาล สำหรับ รพ.อื่นก็เพิ่มจำนวนเตียงเช่นกัน

นายอุเทน หาแก้ว รอง สสจ.อุดรธานี กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เกือบทั้งหมดมาจากพื้นที่เสี่ยง ที่เรามีมาตรการนำเข้ารักษา และกักตัวผู้ที่เดินทางมามา 14 วัน ขณะการติดเชื้อในพื้นที่เมื่อมี ได้เข้าควบคุมไม่ให้ขยายวง อาทิ “คลัสเตอร์โรงงานน้ำตาล” อ.บ้านผือ พบผู้ติดเชื้อ 2 ราย รับเชื้อมาจากงานแต่งงานที่ จ.ร้อยเอ็ด และไปทำงานในแผนกบรรจุภัณฑ์ รง.น้ำตาล จึงทำการตรวจเชิงรุก (แรพพิทเทส) คนงานในแผนก 34 คน พบติดเชื้อ 17 คน จึงส่งตรวจยืนยัน PCR (ยังไม่รวมในรายงานสถานการณ์)

Advertisement

“เมื่อวานท่านผู้ว่า และนายอำเภอ ลงพื้นที่ติดตามทีมสืบสวนควบคุมโรคจาก อ.บ้านผือ น้ำโสม และกุดจับ ระดมลงตรวจหาเชื้อแบบ PCR ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง รวม 697 คน จะทยอยรู้ผลตรวจในวันนี้ ระหว่างการรอผล ให้ทุกคนกักตัวอยู่ในโรงงาน โดยผู้บริหารจัดให้แยกกักตัวเป็นแผนก ในห้องทำงานของตัวเอง และพื้นที่โกดังเก็บสินค้า มีญาติพี่น้องนำเอาเครื่องนอน เสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวมาให้ และมี อบต.เข้ามาช่วยดูแลเรื่องอาหาร 3 มื้อ วันนี้จะตรวจหาเชื้อเพิ่ม พนักงาน-ลูกจ้างที่ตกค้าง และครอบครัวญาติพี่น้องผู้ตรวจพบเชื้อ พร้อมให้คำแนะนำกักตัวที่บ้าน ”

นายอุเทน หาแก้ว รอง สสจ.อุดรธานี กล่าวด้วยว่า “เคสครอบครัวใหญ่เชียงพิณ” พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 15 ราย เป็นผู้สูงอายุ 4 ราย เด็ก 5 ราย จากที่พบติดเชื้อคนแรก เป็นหญิงชาว สปป.ลาว มามีครอบครัวที่อุดรธานี มาทำงานเป็นแม่บ้านในตัวเมือง และเมื่อตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พบในครอบครัว บ้านใกล้เรือนเคียงติด ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่กักตัวอยู่ 21 ราย น่าจะสามารถควบคุมได้ โดยมีข่าวลือเรื่อง เป็นพนักงานในห้างสรรพสินค้า และเป็นพนักงานของร้านตลาดผ้า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

รอง สสจ.อุดรธานี ตอบข้อซักถามว่า อุดรธานียังเดินหน้า “นำลูกหลานอุดรฯกลับบ้าน” เป้าหมายแรก 1,200 คน ผ่านมาแล้ว 4 เที่ยวรวม 400 คนเศษแล้ว พรุ่งนี้มีนัดไปรับมาอีก 170 ราย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ป่วย “สีเขียว” มาถึงก็ส่งเข้า รพ.ทันที แม้ว่ามีหลายหน่วยงานในส่วนกลาง ประกาศแผนจัดส่งคนป่วยกลับบ้านแล้วก็ตาม ส่วนเรื่องวัคซีนอุดรฯได้รับต่ำกว่าแผน จากที่แจ้งว่าเดือนนี้เราจะได้ 1 แสนโดสเศษ ถึงวันนี้ได้มา 40,000 โดส ก็อาจจะไม่เป็นตามเป้า ซึ่งจะมีวัคซีนของ อบจ.อุดรธานีมาเสริม สำหรับ “ชิโนฟาร์ม” มีกลุ่มเป้าหมายแล้ว “โมเดอนา” กำลังทำรายชื่อเป้าหมาย

Advertisement

พญ.สุรีรัตน์ วัชรสุวรรณเสรี อายุรแพทย์ โรคติดเชื้อ รพ.ศูนย์อุดรธานี ตอบข้อซักถามว่า คุณหมอทุกท่านที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ตอนนี้ค่อนข้างล้าเราทำงาน ยาวมาตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว มีช่วงพักบ้างคือพฤษภาคม แต่เราก็แบ่งหน้าที่ช่วยเหลือกัน ซึ่งเข้ามาช่วยกันทุกแผนก เช่น ออกจุดฉีดวัคซีน , รพ.สนาม ทุกคนช่วยกันทำให้งานเบาลง แต่ที่ทราบกันก็คือเคสท์เราเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ต้องยอมรับว่ายังมีบางส่วนที่เรายังทำได้ไม่ดี อย่างเช่นคนไข้รอที่จุดพักคอยนานขึ้น รอเตียงนานขึ้น ในจุดนี้ยอมรับว่ายังลำบากคนไข้อยู่

“ ปัจจุบันมีผู้ป่วยมาเป็นคันรถ เราก็จะดูแลคนไข้ไม่เร็วเท่าที่ควร ต้องรอนานขึ้นทั้งเรื่องรายชื่อที่ได้มาไม่ตรงกัน การรอผลแล็ป เตียงอาจจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเมื่อก่อน ทางสาธารณสุขก็พยายามดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่เตรียมไว้ อาจจะไม่เพียงพอต่อหน้างาน ส่วนคนไข้ที่เป็นโควิด หรือไม่มีความเสี่ยง ก็อยากให้เข้าใจว่า ตอนนี้การมานอนโรงพยาบาล ก็ต้องมีจุดพักคอย รอผล swap ก่อนค่อยได้ย้ายตึก ญาติต้องงดเยี่ยม ต้องฝากของส่งตามจุดต่าง ๆ ก็เป็นความลำบาก อยากให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ ว่าเราต้องเซฟคนไข้ทั้งโควิดเอง และไม่เป็นโควิดด้วย รวมทั้งบุคลากรและญาติด้วย ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image