ปิดตำนานมายาผับ ต้นตอโควิดประจวบฯ ศาลสั่งจำคุก ผจก. 3 เดือน ไม่รอลงอาญา

ปิดตำนานมายาผับ ต้นตอโควิดประจวบฯ ศาลสั่งจำคุก ผจก. 3 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานแอบจัดคอนเสิร์ตโจอี้บอย ขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันที่ 1 สิงหาคม นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยในการแถลงข่าวที่ห้องประชุมชั้น 5 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ กรณีมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากกว่า 1,000 ราย เชื่อมโยงคลัสเตอร์สถานบันเทิงชื่อดัง มายาผับ ที่ อ.หัวหิน หลังจากมีการจัดคอนเสิร์ตโจอี้บอย มีประชาชนกลุ่มเสี่ยงกว่า 1,500 คน ไปร่วมดื่มกิน เมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคม 2564 โดย ศปก.อำเภอ อ้างว่าไม่ได้รับรายงานการจัดคอนเสิร์ตดังกล่าว ซึ่งผู้ประกอบการเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.บ.สถานบริการ ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุฝ่ายปกครองได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2564 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าไม่พบกล้องวงจรปิดภายในสถานบริการดังกล่าว

ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งย้ายปลัดอาวุโส ที่ทำการปกครอง อ.หัวหิน ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ทำการปกครอง อ.กุยบุรี พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีไปร่วมดื่มในการจัดการแสดงดนตรีดังกล่าวแต่ไม่ใช้อำนาจหน้าที่สั่งระงับยับยั้งเข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ขณะเดียวกันผู้บังคับการตำรวจภูรจังหวัดมีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.หัวหิน ประจำ ศปก.ตำรวจภูธรจังหวัด จนกว่าคดีจะแล้วเสร็จ

นายพัลลภกล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากปกครองจังหวัดแจ้งว่าผู้ประกอบการมายาผับไม่ประสงค์จะต่อใบอนุญาต เนื่องจากสถานบริการอยู่นอกเขตโซนนิ่ง สำหรับใบอนุญาตเดิมในชื่อไฮโฟว์ทราบว่าได้ดำเนินการอนุญาตไว้ก่อนหน้านี้นานหลายปี ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้ประกอบการแจ้งไม่ต่อใบอนุญาต อาจจะหลบเลี่ยงคำสั่งปิดสถานที่นาน 5 ปีนั้น ขอเรียนว่าหลังจากนี้ อาคารดังกล่าวไม่สามารถเปิดเป็นสถานบริการได้อีก

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีสถานบันเทิงมายาผับหรือไฮไฟร์ หัวหิน คลัสเตอร์โควิดใหญ่ ศาลจังหวัดหัวหินมีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 619/2564 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ 602/2564 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดหัวหิน โจทก์ บริษัทมายามิวสิคเอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด จำเลยที่ 1 กับ นายชาลี ศรีทองกูล จำเลยที่ 2 และนายคมกริช พิลาคง จำเลยที่ 3 ในข้อหาร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด โดยไม่ได้รับยกเว้นหรือมีเหตุจำเป็นอื่น ไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

Advertisement

ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คำสั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ 2009/2564 พ.ร.บ.โรคติดต่อ ปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 40,000 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 3 จำคุกคนละ 6 เดือน จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำเลยที่ 1 ปรับ 20,000 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 3 จำคุกคนละ 3 เดือน เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมโดยส่วนรวม โทษจำคุกไม่รอการลงโทษ กรณีจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29

ทั้งนี้ ภายหลังจากศาลตัดสินจำเลยที่ 1 ชำระค่าปรับ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยวางเงินสดคนละ 30,000 บาท ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ประกอบการ ขณะที่ “เสี่ย อ.” เจ้าของตัวจริงยังลอยนวล ซึ่งอ้างว่าสนิทสนมกับนักการเมืองท้องถิ่นหัวหินรายหนึ่ง นายตำรวจใหญ่ และข้าราชการระดับสูงในจังหวัด แม้ว่าก่อนหน้านี้ถูกดำเนินคดีในข้อหาเปิดบ่อนออนไลน์ ขณะที่สถานบันเทิงรายอื่นตามไทม์ไลน์ประกอบด้วย ทองสุข ไลน์อัพ และระรื่นชื่นบาร์ เข้าข่ายเปิดเป็นสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต ยังไม่มีฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอหัวหินเข้าแจ้งความแต่อย่างใด หลังจากช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 สถานบันเทิงทั้งหมดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ที่ทำให้มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วทั้งจังหวัด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image