ผบ.ตร.และคณะแถลงคดีฆาตกรรม นทท.ชาวสวิส ที่ภูเก็ต ‘เสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้’

ผบ.ตร.และคณะแถลงคดีฆาตกรรม นทท.ชาวสวิส ที่ภูเก็ต ‘เสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้’

เมื่อเช้าวันที่ 8 สิงหาคมนี้ เวลาประมาณ 10.20 น. ที่ห้องประชุม กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวคดีฆาตกรรมนางนิโคล ซาวเวน ไวสส์คอพฟ์ (NICOLE SAUVEN WEISSKOPF) รองผู้อำนวยการฝ่ายพิธีการ รัฐสภาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่พบศพในพื้นที่ แอ่งน้ำใต้โตนน้ำตกอ่าวยน ถนนอ่าวยน-เขาขาด หมู่ที่ 8 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การปฏิบัติงาน สืบสวนสอบสวน และนำไปสู่การขอออกหมายจับนายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ ผู้ต้องหา อายุ 27 ปี ชาวตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ผู้ต้องหารายนี้ ไม่ใช่ เฉพาะตนเอง แต่เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกคนอยาก แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสียในครั้งนี้ ไม่มีอะไรที่จะมาทดแทน ความสูญเสียในครั้งนี้ได้ ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามที่จะสืบสวนปราบปรามจับกุม ผู้ก่อเหตุมาได้โดยเร็ว แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะไปทดแทนความสูญเสียตรงนั้นได้ จึงอยากจะบอกว่า พวกเรารู้สึกเสียใจ กับการสูญเสียในครั้งนี้มาโดยตลอด อยากจะยืนยันและเน้นย้ำว่าเราจะทำหน้าที่ รักษากฎหมาย ความสงบเรียบร้อยปกป้องและพิทักษ์ความเป็นอยู่ในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวตลอดไป และอยากจะให้มีนักท่องเที่ยวนั้นกลับมาในประเทศไทย ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดภูเก็ต แต่ในหลายๆ ส่วนของ ประเทศไทยด้วย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุม ให้นายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ ผู้ต้องหา อายุ 27 ปี ชาวตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต กล่าวผ่านการโทรศัพท์มือถือโฟนอิน มายังห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ที่ใช้เป็นสถานที่แถลงข่าว ที่ผู้ต้องหากล่าวตอนหนึ่งว่า อาศัยที่บ้านพักในหมู่บ้านแหลมพันวากับภรรยาและลูก กำลังตกงาน อาศัยรับจ้างตัดหญ้า ได้ครั้งละ 1,000 บาท และเอาให้ภรรยาทั้งหมด เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ช่วงสายๆ ประมาณ 11.00 น.เศษ ขึ้นไปหาของป่า กล้วยไม้ แต่ไม่ได้ และกลับลงมาได้พบเห็นเหยื่อ จึงเข้าไปล็อกคอด้านหลัง จับกดหน้าลงในแอ่งน้ำ สิ่งที่ทำเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ขอโทษคนไทยและญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต และยืนยันว่าบาดแผลที่สีข้าง เป็นแผลเดิม ขนาดเล็ก และมีแผลเพิ่มเติม ในวันเกิดเหตุ บาดแผลนี้ให้ภรรยาดูคนเดียวเท่านั้น สำหรับภาพข่าวการเปลือยท่อนล่างของผู้ตายนั้น ตนเองพบเห็นชาวต่างประเทศผู้นี้เปลือยกายมาก่อน ก่อนที่จะลงมือ รวมทั้งโยนรองเท้าผ้าใบเหยื่อทิ้งใกล้ๆ กัน ห่างไปประมาณ 10 เมตร และใช้ผ้าใบที่ไหลมาจากลำธารน้ำตก เอามาปกคลุมร่างเหยื่อรวมทั้งยึดเอาเงินสดประมาณ 300 บาท เอาไปซื้อเครื่องดื่ม และอีกส่วนหนึ่ง ซื้อกัญชามาเสพ เหลือเงินอีกประมาณ 260 บาท หลังเกิดเหตุ กลับไปใช้ชีวิตเหมือนปกติกับครอบครัว จนทราบข่าวพบศพเหยื่อสาวชาวต่างประเทศ จากภรรยา จึงมีความหวาดกลัว และในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนจนพบตนเองที่เป็นผู้ลงมือสังหาร และมีพยานหลักฐานมัดทั้งหมด

ข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนสอบสวนทุกฝ่าย จากส่วนกลาง ตำรวจภูธรภาค 8 และในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต สืบสวนคลี่คลายคดีนี้ จากการตรวจสอบจากระบบโทรทัศน์วงจรปิดของภาคเอกชน ในพื้นที่ใกล้เคียง ที่พบศพ และพบว่า นางนิโคล ซาวเวน ไวสส์คอพฟ์ เดินออกจากที่พักโรงแรม มาที่โตนน้ำตกอ่าวยน ประมาณ 2 กิโลเมตร ในเวลาประมาณ 11.00 น. และการตรวจสอบ รถจักรยานยนต์ผ่านกล้องประมาณ 68 คัน และ จำกัด ลงเหลือ 6 คัน และในที่สุด จำกัดกรอบมาที่ผู้ต้องหา ที่นำไปสู่การออกหมายจับในที่สุด และพยานหลักฐานต่างๆ ในคดี มีครบถ้วน

Advertisement

นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในนามของพี่น้องชาวภูเก็ต เพื่อนข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในจังหวัดภูเก็ต ขอบคุณทางรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตลอดจนพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และอีกหลายท่าน ที่ได้ให้ข้อชี้แนะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในการที่จะช่วยภารกิจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการคลี่คลายคดี โดยเฉพาะ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กรุณาลงมาพร้อมกับทีมงาน และสามารถคลี่คลายคดีนี้เสร็จในเร็ววัน รวดเร็ว และขอเรียนว่าทางจังหวัด รวมทั้งทุกภาคส่วน มีการปรึกษาหารือกัน และเราจะต้องทำอีกหลายส่วนขึ้นมาเพื่อที่จะยกระดับมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้จะสามารถดำเนินการควบคุมได้เร็ววัน

ส่วนนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทางกระทรวงและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐมนตรีได้ส่งจดหมายแสดงความเสียใจครอบครัวผู้เสียชีวิต ผ่านไปยังสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ และเชื่อว่าเนื่องจากเป็นคดีที่สะเทือนใจ อาจจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ อย่างไรก็ดี ขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ลงมาบัญชาการด้วยตนเอง จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้โดยเร็ว สามารถเรียกคืนความเชื่อมั่น ด้านความปลอดภัยและด้านภาพลักษณ์ของประเทศกลับมาได้ในจังหวะที่ดีมากทีเดียว สำหรับผลกระทบกับโครงการ Phuket Sandbox จะเร่งติดตามประเมินผลกระทบ อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี อยากจะเรียนว่า จากสถิติการจองย้อนหลัง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา และอาจจะเร็วเกินไปที่จะประเมิน แต่ก็ยังพบว่ายังไม่มีผลกระทบ ยังคงมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในวันที่ 5 สิงหาคม มีการจองเข้ามา 7,027 Roomnight วันที่ 6 สิงหาคม 9,040 Roomnight และล่าสุดยังจองเข้ามาเกือบ 6,000 Roomnight เป็นต้น และทาง ททท.จะแจ้งให้สำนักงาน ททท.ทั่วโลก ติดตามการรายงานข่าวในพื้นที่ต่างๆ ว่ามีการรายงานข่าวในวงกว้างอย่างไร และส่งผลกระทบด้านจิตใจ กับตลาดหรือไม่ เพื่อดำเนินการลดผลกระทบต่อเรื่องดังกล่าวต่อไป

ทางด้านยัน เคธเนอร์ ผู้ช่วยฝ่ายตำรวจสวิตเซอร์แลนด์ประจําประเทศไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเพื่อนข้าราชการตำรวจไทยที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนคดีนี้ เป็นความพยายามอันใหญ่หลวงที่ได้ทุ่มเททำงาน สืบสวนหาพยานหลักฐาน และจับกุมตัวผู้กระทำความผิด จนสามารถคลี่คลายคดีความอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้อย่างรวดเร็ว ครอบครัวของผู้วายชนม์ และพลเมืองแห่งประเทศไทย สมควรจะได้รับการทำงาน สืบสวนสอบสวน ที่เป็นมืออาชีพเช่นนี้ และเชื่อมั่นว่าการทุ่มเทตรากตรำทำงานหนักของทีมงานสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย จะนำพาให้การสืบสวนสอบสวน คดีนี้บรรลุผลสำเร็จอย่างงดงาม จึงขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณรัฐบาลไทย และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง สำหรับความทุ่มเท มุ่งมั่นที่จะทำให้จังหวัดภูเก็ตกลับมาเป็นพื้นที่ปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง

Advertisement

ส่วนนายภูมิกิตต์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในนามของประชาชนชาวภูเก็ต ขอขอบคุณทุกคนที่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ และมีการจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว นี่คือ จุดเริ่มต้น เรียกความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ต และขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่าภาคเอกชนและประชาชนจะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสร้างความปลอดภัยให้ดีที่สุด สำหรับชาวภูเก็ต คนไทย และนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต และก่อนหน้านี้ภาคเอกชนริเริ่มโดยนายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ระดมทุน 200,000 บาท จากองค์กรภาคเอกชน 16 องค์กร และอดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตอีกหลายคน ร่วมกันสนับสนุนเงินรางวัล ให้กับผู้แจ้งเบาะแสจนไปสู่การนำจับ อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะไม่ได้มอบให้ในส่วนนี้ แต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยินดีมอบให้กับตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อใช้ในการดำเนินการ ตามที่เห็นสมควร ทั้งการดำเนินการในคดีนี้ และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป และยังมอบช่อดอกไม้ในโอกาสนี้ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image