กลุ่มธรรมาภิบาล แจ้งความเอาผิด “หมอเหรียญทอง” โพสต์เฟซบุ๊ก หมิ่นผู้พิพากษา

กลุ่มธรรมาภิบาล แจ้งความเอาผิด “หมอเหรียญทอง” โพสต์เฟซบุ๊ก หมิ่นผู้พิพากษา

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 9 สิงหาคม 2564 นายสรชัช ทองเพ็ญ อายุ 46 ปี อยู่เลขที่ 54 ม.4 ต.ปลาค้าว อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ อดีตผู้สมัคร ส.อบจ.เขต 4 อ.เมือง อำนาจเจริญ ในนามเลขาธิการกลุ่มธรรมาภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.หญิง จุฑามาศ เกื้อสกุล รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อเหรียญทอง แน่นหนา หมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในลักษณะด่าทอ ด้วยถ้วยคำหยาบคายดูถูกเหยียดหยามใส่ร้าย และวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของผู้พิพากษาในเชิงลบ

ซึ่งมีผู้ได้เข้าไปอ่านและแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กจำนวนหน้า และเข้าใจว่าเป็นการกล่าวถึงการทำหน้าที่ในการพิจารณาคดีว่าไม่ยุติธรรม ทำให้ถูกดูหมิ่น อีกทั้งอาจเข้าข่ายผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมด้วยเอกสารเฟซบุ๊ก รูปภาพ มาเป็นหลักฐาน

นายสรชัช กล่าวว่า การที่ได้เห็นเฟซบุ๊กคนที่ใช้ชื่อเหรียญทอง แน่นหนา ด้วยการโพสต์ถ้อยคำหยาบคาย กล่าวถึงศาล ผู้พิพากษา ใช้ดุลพินิจไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ใช้คำหยาบคาย และกล่าวข่มขู่ เราเห็นว่าการที่ผู้พิพากษาให้การประกันตัวสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาในกรณีที่เป็นแกนนำสำหรับผู้ชุมนุมนั้น ทำหน้าที่ฝ่ายตุลาการก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการตรวจ สอบถ่วงดุลของกระบวนการที่เป็นหลักของบ้านเมือง ดังนั้นการการบริหารก็ดี ด้านนิติบัญญัติก็ดี ด้านตุลาการก็ดี ซึ่งผู้พิพากษาถือว่าเป็นหลักของบ้านของเมือง และการใช้ถ้อยคำ ท่าทีท่วงทำนองของท่านที่ใช้ชื่อว่าเหรียญทอง แน่นหนา มีลักษณะเข้ากฎหมายอาญา การตัดสิน คำสั่งของผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่ ในนามพระปรมาภิไธย

เรามีความห่วงใยว่าการที่ไปให้ความเห็นในการดูหมิ่นเหยียดหยาม ทำให้เกลียดชังของผู้ใช้เฟซบุ๊กว่าเหรียญทอง แน่นหนา จะเข้าข่าย ม.112 ด้วยหรือไม่

Advertisement

และผู้ใช้เฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนานั้นมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก การใช้ท่าทีท่วงทำนองแบบนั้นไม่เป็นผลดีต่อสังคมส่วนรวม แทนที่บ้านเมืองจะมีความเป็นปึกแผ่น เคารพกฎเกณฑ์ สถาบันที่เป็นหลักในบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และในการปกครองนั้นประกอบด้วย การบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ จึงมีความสำคัญที่บ้านเมืองในสถานการณ์อย่างนี้จะเป็นความระส่ำระสาย เรามองว่าในการทำหน้าที่ในการพิจารณาคดีของผู้พิพากษานั้น มีความเป็นอิสระ ดังนั้นเพื่อให้ปราศจากการข่มขู่ คุกคาม และการหมิ่นเหม่ ที่จะทำให้ขบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ เราจำเป็นที่จะมาร้องทุกข์ กล่าวโทษ เพื่อใช้สิทธิตามกระบวนการกฎหมาย

นายสรชัช กล่าวด้วยว่า  ทั้งนี้กลุ่มธรรมภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น ซึ่งเราทำหน้าที่ภาคประชาชน ทั้งในการตรวจสอบคอรัปชั่น และด้านต่างๆ ที่เป็นประเด็นของสังคมและการให้เครือข่ายออนไลน์นี้ มีผลไปทั่วราชอาณาจักร ซึ่งผมมาทำงานที่ จ.อุดรธานี ก็ได้เห็นผ่านทางโซเชียล อยู่ในเขตอำนาจสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่วนกลุ่มอื่นเราไม่ทราบ ในฐานะที่เราทำหน้าที่ภาคประชาชน ตรวจสอบไม่ว่าส่วนของประชาชนด้วยกัน ส่วนของภาครัฐก็ดี ซึ่งท่านพลตรีเหรียญทอง แน่นหนา มีลักษณะผู้นำทางสังคมระดับหนึ่ง ท่าทีท่วงทำนองของท่านเหรียญทอง จึงมีผลต่อทัศนะ หรือความเห็นของสังคมด้วย ดังนั้นในฐานะที่เป็นผู้นำของสังคมต้องมีท่าทีท่วงทำนอง สุขุมคำสุภาพ และเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม

Advertisement

“เราไม่ได้สนับสนุนกลุ่มที่ไล่นายก เราถือว่าบ้านเมืองต้องมีหลักมีเกณฑ์ ถ้าเราถือบทบัญญัติของกฎหมายเป็นหลัก ในด้านบุคคลไม่ว่าใครก็ตามไม่มีข้อยกเว้น ถ้ามีพฤติการณ์ผิดต่อกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้นว่ากลุ่มใด เราถือว่ากลุ่มธรรมาภิบาลมาทำหน้าที่เป็นหลักให้กับสังคม ไม่ได้มีความเองเอียง หรือมีอคติต่อท่านพลตรีเหรียญทอง หรือว่านิยมชมชอบฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งแต่อย่างใด ส่วนกลุ่มที่จาบจ้างและละเมิดสถาบัน ตรงนั้นถือว่าเป็นเรื่องอาญาแผ่นดินใครก็สามารถที่จะไปแจ้งความดำเนินคดีได้อยู่แล้ว ด้วยกระบวนการของกฎหมาย เราใช้กระบวนการยุติธรรม ผมอยู่ที่อุดรธานี ผมก็มาใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรม กระบวนการทางกฎหมาย”

ฝากถึงคุณหมอเหรียญทอง ท่านที่บอกว่าปกป้องสถาบัน มีเจตนารมณ์ที่ดี ท่าทีทำนองต้องสุขุมคำภีรภาพ เพราะว่าทัศนะที่นำเสนอต่อสาธารณชนนั้น ท่านพลตรีเหรียญทองจะมีอิทธิพลต่อทัศนะความคิดของสังคม ดังนั้นผู้ที่เป็นผู้นำของสังคมระดับหนึ่งนั้น จะต้องมีความสุขุมคำภีรภาพ แทนที่จะปกป้องสถาบัน กลับจะเป็นเงื่อนไขของการทำลายสถาบัน และสร้างความแตกสามัคคี ของคนในชาติเสียเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image