ศาลยกฟ้อง นาหวะ เห็นพ้อง คกก.พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ไม่จ่ายค่าทดแทนให้

ภาพจาก จิตรภณ ไข่คำ

ศาลยกฟ้อง นาหวะ หญิงนักปกป้องสิทธิฯ เห็นพ้อง คกก.พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ไม่จ่ายค่าทดแทนให้ ยันเดินหน้าสู้ต่อ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 สิงหาคม ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ น.ส.นาหวะ จะอื่อ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากกลุ่มด้วยใจรัก (รักษ์ลาหู่) ที่ดูแลและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวงวิสามัญฆาตกรรม เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 ได้เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในกรณีที่ น.ส. นาหวะ ได้ยื่นอุทธรณ์คำร้องที่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ที่ยกคำขอในการอนุมัติค่าทดแทนหรือค่าใช้จ่ายในระหว่างที่เธอถูกควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคดีที่เธอถูกกล่าวหาในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับคดีของนายชัยภูมิ ป่าแส

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาเห็นพ้องกับคำตัดสินของคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ไม่จ่ายค่าทดแทนให้กับนาหวะตามคำอุทธรณ์ โดยศาลได้ให้เหตุผลประกอบว่า คำพิพากษาของศาลจังหวัดเชียงใหม่หมายเลขแดงที่ 1571/2561 คดีถึงที่สุดแล้วโดยให้ยกฟ้องนาหวะ เนื่องมาจากพยานหลักฐานที่พนักงานอัยการ (โจทก์) นำสืบมาไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า น.ส.นาหวะ (จำเลยในคดีดังกล่าว) กระทำความผิดตามฟ้องของพนักงานอัยการ (โจทก์) จึงต้องยกผลประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่ น.ส.นาหวะ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

ซึ่งถือได้ว่าพยานหลักฐานของพนักงานอัยการ (โจทก์) ที่นำสืบไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของนาหวะ จึงมิใช่ข้อเท็จจริง ฟังเป็นยุติว่านาหวะไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดหรือการกระทำของน.ส.นาหวะ ไม่เป็นความผิด นาหวะจึงไม่มีสิทธิ์ได้รับค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาตามคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญามีคำวินิจฉัยให้ยกคำขอนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับคณะกรรมการฯ จึงพิพากษายกอุทธรณ์คำขอดังกล่าว

ภาพจาก จิตรภณ ไข่คำ

น.ส.นาหวะ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจมาก เหมือนเรามีความหวังว่าจะต้องได้รับการเยียวยา เพราะระหว่างที่เราถูกคุมขังจากข้อหาที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ นอกจากการทุกข์ทรมานทางด้านจิตใจที่ถูกพรากอิสรภาพในการที่เราจะได้ใช้ชีวิตไปแล้ว เราต้องสูญเสียโอกาสในอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่จะได้ทำหน้าที่แม่ในการดูแลลูก โอกาสในการที่จะได้อยู่กับครอบครัว งานการที่เคยทำก่อนถูกจับก็ไม่สามารถกลับไปทำได้อีก ทำให้เราเสียโอกาสในการหารายได้เพื่อจุนเจือครอบครัวของเรา ผลกระทบไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเราแต่เกิดขึ้นกับครอบครัวและคนใกล้ชิดเราด้วย

Advertisement

“ตนและครอบครัวจะไม่ยอมแพ้ หากมีการช่องทางไหนที่จะยื่นเรื่องร้องเรียนได้อีกก็จะไปจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัวให้ได้”

ทั้งนี้ คดีของน.ส.นาหวะ สืบเนื่องมาจากวันที่ 29 พฤษภาคม 2560 น.ส.นาหวะ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยอื่นๆทั้งในและนอกเครื่องแบบ ได้เข้าทำการบุกค้นบ้านของนายไมตรี จำเริญสุขสกุล นักปกป้องสิทธิฯ ซึ่งทั้งนายไมตรี และ น.ส. นาหวะเป็นผู้ดูแลนายชัยภูมิ ป่าแส ขณะนั้นที่มีการตรวจค้นดังกล่าวนายไมตรี ไม่อยู่บ้านเพราะกำลังเดินทางกลับจากการประชุมกับผู้แทนพิเศษว่าด้วยนักปกป้องสิทธิฯของสหประชาชาติที่กรุงเทพฯ ในกรณีการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายชัยภูมิ ป่าแส ที่ถูกทหารวิสามัญฆาตกรรม

ผลการค้นบ้านไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ แต่เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับ น.ส.นาหวะ ที่อยู่บ้านในขณะนั้น ในข้อหาตาม พ.ร.บ. ความผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเชื่อมโยงมาจากกรณีนายชัยภูมิ ปาแส ภายหลังจากนั้น น.ส.นาหวะ ถูกควบคุมตัวไปขออำนาจฝากขังที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งศาลอนุญาติให้ฝากขัง โดยนาหวะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทั้งในชั้นพนักงานสอบสวนและชั้นศาล ซึ่งมีการพิสูจน์ว่า น.ส.นาหวะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น โดยต้องใช้หลักทรัพย์ประมาณ 2 ล้านบาท ในการประกันตัว ครอบครัวจึงยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนยุติธรรม ในเวลาต่อมากองทุนยุติธรรมก็อนุมัติหลักทรัพย์การประกันตัว พร้อมทั้งดำเนินการยื่นประกัน น.ส.นาหวะ ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ แต่ศาลไม่อนุญาตให้มีการปล่อยตัวชั่วดังกล่าว

Advertisement

จนกระทั่งวันที่ 24 เมษายน 2561 ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำพิพากษายกฟ้อง เป็นวันที่ น.ส.นาหวะ ได้อิสรภาพคืนหลังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำถึง 331 วัน

ในปี 2562 น.ส.นาหวะ จึงยื่นขอรับค่าตอบแทนหรือค่าใช้จ่าย ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาฯ เนื่องจากในช่วงที่ น.ส.นาหวะ ต้องถูกควบคุมตัวนั้น มีราคาที่ต้องจ่าย ทั้งค่าข้าวของเครื่องใช้ ค่าเดินทางไปเยี่ยม น.ส.นาหวะ หนี้สินของครอบครัวก็เพิ่มขึ้น เพราะรายจ่ายเพิ่มแต่รายได้ลดลง หรือการสูญเสียอิสรภาพ ซึ่งในช่วงเวลานั้นควรเป็นช่วง น.ส.นาหวะ จะทำมาหากินและสามารถไปทำสิ่งที่มีคุณประโยชน์กับเยาวชนของกลุ่มด้วยใจรัก(รักษ์ลาหู่)ได้

เมื่อเธอได้ยื่นขอใช้กลไกตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาฯแล้วนั้น คณะกรรมการตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว ก็ไม่อนุมัติคำขอ น.ส.นาหวะจึงขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image