จีเอฟซี เดินหน้ายกระดับศักยภาพบุคลากรด้านมีบุตรยาก ลุยขยายสาขาภาคอีสาน เจาะลาว-เวียดนาม

GFC เผยนักวิทยาศาสตร์สังกัดคลินิกและนักวิทยาศาสตร์ไทยสอบผ่านจำนวน 42   สอบผ่านรับรองด้าน CLINICAL EMBRYOLOGY CERTIFICATION จากสมาคมด้านการเจริญพันธุ์และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแห่งยุโรปจากผู้เข้าร่วมทั่วโลกจำนวน 318 คน ช่วยยกระดับศักยภาพบุคคลกรด้านมีบุตรยากของประเทศ เดินหน้าลงทุนเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่เสริมจุดแข็งพร้อมประกาศเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าจากลาว และเวียดนามรองรับแผนสร้างการเติบโตในระยะยาว พร้อมคาดการณ์ตัวเลขเติบโตครึ่งปีแรก 64 ปรับลดจากวิกฤตโควิด

รศ.นพ.พิทักษ์ เลาห์เกริกเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากศิริราชและประธานกรรมการบริหาร เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ (GFC) เปิดเผยว่า GFC ในฐานะที่ปรึกษาและศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่เปิดดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 5 ซึ่งมีบริการของ GFC ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อการมีบุตร การให้คำปรึกษาไปจนถึงบริการทำบุตรจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ต่าง ๆ อาทิ ไอวีเอฟ ผสมเทียม การทำเด็กหลอดแก้ว โดย GFC มีกลุ่มแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ เข้าถึงง่าย  ล่าสุด GFC มุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญระดับสากล  นับเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจที่  นางสาวนัทธ์ชนก ชัยกิตติ์พิภัทร์  หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ (GFC) สามารถสอบผ่านและได้รับการรับรองจากสมาคมด้านการเจริญพันธุ์และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแห่งยุโรป (ESHRE)  โดยในปีนี้มีผู้เข้าสอบรับรองด้าน CLINICAL EMBRYOLOGY CERTIFICATION จากสมาคมด้านการเจริญพันธุ์และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแห่งยุโรปจากทั่วโลกจำนวน 318 คน และมีผู้สอบผ่าน 153 คน หรือคิดเป็น 48%  ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2015 จนถึง 2021 มีนักวิทยาศาสตร์คนไทยสอบผ่านจำนวน 42 คนเท่านั้น  สำหรับบทบาทของสมาคมด้านการเจริญพันธุ์และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแห่งยุโรป (ESHRE : European Society of Human Reproduction and Embryology) ซึ่งเป็นสมาพันธ์เกี่ยวกับด้านการเจริญพันธุ์หรือการมีบุตรยากของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก

ทางด้าน นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (GFC) ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เปิดเผยต่อว่า ปัจจุบันความก้าวหน้าของวิทยาการทางการแพทย์มีการพัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทช่วยด้านการเจริญพันธุ์ นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีศักยภาพที่ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มลูกค้าของ GFC  เป็นคนไทยประมาณ 90 % ส่วนอีก 10 % เป็นกลุ่มที่สามีหรือภรรยาเป็นคนไทยกับคนต่างชาติ ทั้งนี้ GFC เล็งเห็นความสำคัญทั้งด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการนำเทคโนโลยีเข้ามาให้บริการ โดยใช้งบประมาณ 7-8 ล้านบาท ในการนำเข้าเทคโนโลยีการเลือกตัวอ่อน (automated embryo evaluation) สำหรับการเลี้ยงและดูแลตัวอ่อนเพื่อรองรับความต้องการและบริการที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น  เทคโนฯ นี้มีการนำ AI มาใช้ในการตรวจจับการเติบโตของตัวอ่อน ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคัดเลือกตัวอ่อนที่ดีที่สุดในการนำมาฝังตัว ซึ่งเมื่อทำเด็กหลอดแก้วร่วมกับการตรวจ NGS จะสามารถเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์สูงถึง 73% เมื่อเทียบกับมาตรฐานที่อื่นซึ่งมีอัตราตั้งครรภ์อยู่ที่ประมาณ 30-50 %  สำหรับจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ การเป็นตู้เลี้ยงตัวอ่อนแยกของแต่ละเคส โดยตู้เลี้ยง 1 ตู้สำหรับ 1 คนไข้ ไม่ใส่รวมปะปนกัน เพื่อลดการรบกวน พร้อมควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม เพราะเราให้ความสำคัญกับความสำเร็จของคนไข้เป็นอันดับแรก ซึ่งสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.genesisfertilitycenter.co.th หรือที่เฟซบุ๊ก www.facebook.com/GFC.Bangkok/

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะลงทุนขยายสาขาเพิ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าจากลาว และเวียดนาม  ทั้งนี้ทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทาง GFC มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2561 มีรายได้ 129    ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 250 ล้านบาท ส่วนปี 2563 ตัวเลขลดลงประมาณ 10% เหลือ 218 ล้านบาท โดยในปี 64 ครึ่งปีแรกยังเติบโตได้ดีราว 30% แต่หลังจากการระบาดอย่างหนักของโควิด สายพันธุ์ Delta ทำให้คาดการณ์ว่าตัวเลขปี 64 ของเราจะเติบโตเหลือแค่ 10% หากเปรียบเทียบในกลุ่มธุรกิจประเภทเดียวกัน ก็ยังถือว่าเติบโตขึ้นได้ดี ในสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงขณะนี้ และในไตรมาสที่สามของปี 64  มีแผนที่จะขยายในส่วนของห้องแลปเลี้ยงตัวอ่อน และห้องตรวจเพิ่มเติม เพื่อรองรับปริมาณคนไข้ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Advertisement

สำหรับจุดเด่นด้านการให้บริการของ GFC อีกด้านก็คือ ที่ตั้งให้บริการแบบสแตนด์อะโลนสามารถนัดเพื่อเข้ารับการปรึกษาและใช้บริการได้สะดวก ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มผู้มีลูกยากทั้งในไทยและต่างประเทศสนใจเข้าใช้บริการเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศจีน ลาว อินเดีย เวียดนาม  สำหรับคนไข้ที่ไม่สะดวกเดินทางเข้ามารับบริการในช่วงนี้ ทางGFC ได้มีการให้บริการปรึกษาผ่านทางระบบประชุมทางไกล (Video Conference) ผ่านแพลตฟอร์ม zoom meeting ซึ่งคนไข้มาสามารถติดต่อทาง call center ได้ที่ 097-484-5335 เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  พร้อมกันนี้ ทางGFC ยังมีการจัดให้มี FB Live เพื่อที่คนไข้จะสามารถเข้ามาสอบถามปัญหากับแพทย์ได้โดยตรง ซึ่งสามารถติดตามรายละเอียดได้จาก Facebook GFC.Bangkok

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image