ร.ต.ท.ติดโควิด ขอความเป็นธรรมยันไม่มีเจตนาหนีการรักษา ล่าสุดยอมไป รพ.แล้ว

ร.ต.ท.ติดโควิด ขอความเป็นธรรมยันไม่มีเจตนาหนีการรักษา ล่าสุดยอมไป รพ.แล้ว

เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 29 ส.ค.64 มีความคืบหน้าล่าสุดจากนายอนุชา เจริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ ได้รับแจ้งจากทาง ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ และชุดเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) นาฝาย ได้เข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับ ร.ต.ท.มงคล แย้มนุ่ม รอง สว.(ป) สภ.อ.เมืองปทุมธานี พร้อมภรรยา หลังทำเอาชาวบ้านคร้อ หมู่ 11 ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ผวาแตกตื่นกันทั้งหมู่บ้าน ซึ่ง ร.ต.ท.รายนี้ติดโควิดไม่ยอมเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่กลับเดินทางกลับมาบ้านที่ จ.ชัยภูมิ ดังกล่าว

และอาศัยอยู่ร่วมกับคนในบ้านพร้อมญาติพี่น้อง ที่ต้องเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ในครั้งนี้แบบยกครัวรวม 5 ชีวิต จนเมื่อวันที่วันที่ 26 ส.ค.64 ทางลูกชายของ ร.ต.ท.นายนี้อยู่ที่กรุงเทพฯ ได้โทรมาแจ้ง นายพิทยา ฟ้าโปรด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ทราบเรื่อง ว่าพ่อตนเองที่เป็นตำรวจตรวจพบติดเชื้อโควิด แต่ไม่ยอมรักษา ทำให้ประชาชนทั้งหมู่บ้านแตกตื่นหวาดผวาว่าจะมาแพร่เชื้อไปทั่วหมู่บ้าน ซึ่งทาง จนท.ที่เกี่ยวข้องของศูนย์โรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิได้พยายามเข้าพูดคุยเจรจาให้พาญาติทุกคนไปตรวจและเข้ารักษาตัวจากการติดเชื้อโควิด-19 แต่ก็ยังไม่เป็นผลต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แล้ว

ซึ่งล่าสุดวันนี้ นายอนุชา เจริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ ได้รับแจ้งจากชุดเจ้าหน้าที่ ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ และชุดเจ้าหน้าที่จาก รพ.สต.นาฝาย ได้เข้าไปพูดคุย ทำความเข้าใจกับ ร.ต.ท.มงคล พร้อมภรรยา ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้ง 2 คน ยินยอมออกจากบ้านดังกล่าว เพื่อเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ชัยภูมิ

รวมทั้งกรณีที่เกิดขึ้น ทั้ง ร.ต.ท.รายนี้พร้อมภรรยา ได้โทรติดต่อผู้สื่อข่าวเพื่อขอความเป็นธรรม ต่อกรณีข่าวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วยว่า ตนเองติดโควิด-19 จริง แต่ไม่ได้หนีการรักษาตามที่เป็นข่าว และขอให้ชาวบ้านเข้าใจด้วย ซึ่งการเดินทางมากักตัวและรักษาตัวที่บ้านภรรยาที่ จ.ชัยภูมิ นั้นเพราะมีความจำเป็นที่ต้องมาดูแลคนแก่พ่อตาแม่ยาย ที่เป็นผู้สูงอายุป่วยติดเตียงไม่มีคนดูแล และบ้านดังกล่าวของตนเองมีความปลอดภัยดีแล้ว และก็กักตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน

Advertisement

ส่วนที่ลูกชายโทรมาบอกผู้ใหญ่บ้านที่ จ.ชัยภูมิ ว่าตัวเองไม่ยอมไปรักษาตัวนั้น ตนเองไม่อยากกลับไปรักษาตัวใกล้กับลูกที่มีอีก 2 คน เกรงจะติดเชื้อโควิดไปด้วย จึงมาอยู่กับภรรยา ที่บ้านพ่อตาแม่ยาย ที่ชัยภูมิ ซึ่งอยากให้ผู้สื่อข่าวให้ความเป็นธรรมด้วยตนเองไม่มีเจตนาหนีการรักษาและการเดินทางมาอยู่บ้านที่ จ.ชัยภูมิ ก็แจ้ง รพ.สต.ในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใน จ.ชัยภูมิ ก็รับทราบหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวก็ถามว่า มาอยู่ที่บ้าน ไม่มีการกักตัวที่ชัดเจน ทั้งอยู่ร่วมกับญาติพี่น้องพ่อตาแม่ยาย เมื่อรู้ว่าตัวเองติดโควิดแบบนี้ แล้วสังคมรอบข้างจะว่าอย่างไร ทาง ร.ต.ท.พร้อมภรรยาก็กล่าวว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร เคยมีพ่อแม่หรือเปล่า ที่มาอยู่ที่บ้านดังกล่าวต้องมาดูแลพ่อตาแม่ยาย ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แล้วถ้าตนเองและภรรยาไม่อยู่ใครจะดูแล จึงขอให้เข้าใจตนเองด้วย และการมาอยู่ที่บ้านก็ยืนยันว่าทำได้และมาอยู่ได้อย่างถูกต้อง ขอสังคมรอบข้างเข้าใจในครั้งนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งทางด้านนายอนุชา เจริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ ก็ยืนยันว่า เมื่อเป็นผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว จะเดินทางมาอยู่บ้านร่วมกับญาติพี่น้องที่ก็ต้องติดเชื้อตามมาด้วยทั้งหมดแบบนี้ไม่ได้ และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ศบค.จ.ชัยภูมิ ในครั้งนี้ด้วย รวมทั้งการมาอยู่แบบนี้ผู้ป่วยหรือติดเชื้ออาจจะไม่ห่วงว่าตนเองและญาติพี่น้องจะติดเชื้อพร้อมกัน พร้อมอยู่ร่วมกันได้อยู่แล้วคงไม่ได้ แต่สังคมรอบข้างก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมด้วย ซึ่งในครั้งนี้ก็เห็นใจทุกฝ่าย แต่การเกิดภาวะวิกฤตโรคระบาดหนักในทั่วประเทศในขณะนี้ รวมทั้ง จ.ชัยภูมิ

Advertisement

ถ้าจะปล่อยไปแบบนี้ไม่มีมาตรการป้องกันสังคมโดยรวมบ้านเมืองก็จะไปกันใหญ่ หากเกิดการเจ็บป่วยโควิด-19 หรือเสียชีวิตตามมาอีกในพื้นที่จำนวนมากใครจะรับผิดชอบ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้มอบหมายให้ชุดเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในอำเภอทั้งหมดลงไปทำความเข้าใจต่อตำรวจพร้อมภรรยารายนี้มาต่อเนื่องหลายวันเช่นกัน ซึ่งล่าสุดทั้งตำรวจและภรรยา 2 รายนี้ก็ได้ยินยอมเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ชัยภูมิ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image