โรงงานผลิตกระท่อมเพื่อสุขภาพลุยตลาดเมืองคอน การันตีรับซื้อใบใน 5 ปี สนใจพันธุ์ก้านแดง
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายมีเกียรติ อ้นทอง ประธานสมาคมผู้ปลูกพืชทางเลือกใหม่เพื่อการเรียนรู้และการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การปลูกพืชกระท่อมขณะนี้ เฉพาะในนครศรีธรรมราชมีโรงงานผลิตกระท่อมเพื่อสุขภาพหลายโรงงานติดต่อเข้ามาเพื่อหาพื้นที่ปลูกกระท่อม รวมทั้งส่งใบเข้าโรงงานผลิตอาหารเพื่ออุตสาหกรรม โดยทางโรงงานเซ็นสัญญารับซื้อใบภายใน 5 ปี เพื่อนำไปผลิตเป็นอาหารเพื่อสุขภาพหลายชนิด หลายประเภท หากเป็นเช่นนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีของชาวนครศรีธรรมราชที่กำลังสนใจ และมีพื้นที่ว่าง สามารถลงปลูกกระท่อมในพื้นที่ตามโครงการได้
นายมีเกียรติกล่าวว่า การปลูกนั้นต้องใช้ที่ดิน 1 ไร่ สามารถปลูกได้ 100 ต้น ใช้เงินซื้อต้นกล้า 15,000 บาท (กล้าต้นละ 150-200 บาท) ใช้ระยะเวลาปลูก 1 ปี จากการคำนวณแล้ว พื้นที่ 1 ไร่ ระยะ 4×4 เมตร จะปลูกได้ 100 ต้น ได้ผลผลิตประมาณ 200 กิโลกรัม/เดือน ราคาขายโดยประมาณอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท คิดง่ายๆ 1 เดือน มีรายได้ 40,000 บาท และต้นขนาดที่ทางโรงงานต้องการจะต้องมีอายุ 1 ปีครึ่ง จนถึง 3 ปี ราคา กก.ละ 200 บาท
นายมีเกียรติกล่าวว่า ทางโรงงานได้ประกันราคาไว้ 5 ปี แม้ว่าอนาคตจะมีการปลูกพืชกระท่อมมากขึ้น เราก็จะรับซื้อในราคาเดิม โดยพันธุ์ที่ต้องการคือ พันธุ์ก้านแดง ตั้งเป้าหมายที่ 1,000,000 ต้น ภายใต้โครงการพัฒนากระท่อมสู่อาหารโลก เราได้มีการทำสัญญาความร่วมมือกับ 5 โรงงานในประเทศ และ 2 โรงงานในต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า ในอนาคตตลาดกระท่อมยังคงเป็นที่ต้องการมากหรือไม่นั้น นายมีเกียรติกล่าวว่า กระท่อมเป็นพืชที่มีสรรพคุณมาก นำมาเป็นส่วนผสมในอาหาร ยา เครื่องสำอาง ในสัดส่วนที่พอเหมาะจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาย พันธุ์ก้านแดงเป็นที่ต้องการของโรงงานเพื่ออุตสาหกรรม มีฤทธิ์แรงกว่าพันธุ์ก้านเขียวที่นำมาเคี้ยวกันในบ้านเรา เพราะส่วนใหญ่ชาวบ้านจะไม่นิยมเคี้ยวกัน ดังนั้น หากต้องการปลูกเพื่อขายใบสู่โรงงานอุตสาหกรรมขอแนะนำว่าต้องเป็นพันธุ์ก้านแดงเท่านั้น และมีตลาดต่างประเทศกำลังติดต่อขอซื้อใบจากพื้นที่ปลูกในภาคใต้ โดยเฉพาะในนครศรีธรรมราชด้วย ซึ่งเท่ากับว่าอนาคตตลาดใบกระท่อมยังเป็นที่ต้องการอีกหลายปี
“ผมมองว่าภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หากคนนครศรีธรรมราชสนใจ พืชกระท่อมจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรบ้านเรา เนื่องจากอากาศและดินจะพอเหมาะแก่การปลูกอย่างมาก” นายมีเกียรติกล่าว
