ป่าไม้กาญจน์ ลุยตรวจพื้นที่ พบลักตัดไผ่มานานร่วม 3 เดือน รวม 3 จุด เบื้องต้นตรวจสอบได้แล้ว 2 จุด เนื้อที่รวมกันกว่า 50 ไร่ คาดเตรียมทำการเกษตร อีกจุดลุยตรวจพรุ่งนี้
เมื่อวันที่ 5 กันยายน นายวิวรรธน์ มองเห็นทวีโชค หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.5 (ซองกาเรีย) อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากกรณี นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบการบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ท้องที่ หมู่ 2 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี หลายจุด
จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับวัดค่าพิกัด ผลปรากฏว่าพื้นที่ที่ถูกบุกรุกอยู่ในเขตรับผิดชอบของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ดูแลพื้นที่โดยหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.5(ซองกาเลีย) หลังจากทราบพิกัดที่แท้จริงนายเทวินทร์ จึงประสานมาที่ตนเพื่อให้เข้าไปตรวจสอบ ดังนั้นตนจึงรายงานให้ นายนิทรรศ เวชวินิจ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ทราบ
จากนั้นเวลา 09.00 น. ของวันที่ 4 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ตนได้นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.5 (ซองกาเลีย) ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สังขละบุรี เดินทางเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกบุกรุก จำนวน 3 จุด แต่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้จำนวน 2 จุด ส่วนจุดที่ 3 นั้นไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากเริ่มมืดอีกทั้งฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ไม่สามารถเดินเข้าไปได้ ซึ่งจุดที่ 3 ตนจะนำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.)
สำหรับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทั้ง 3 จุดนั้นอยู่ที่บริเวณป่าห้วยขี้แร้ง อยู่ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพระฤาษี และป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่ 1 ท้องที่หมู่ 2 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จากการตรวจสอบพบว่ามีการตัดไม้ไผ่สภาพตัดมาแล้วประมาณ 2-3 เดือน ไผ่เริ่มแห้งตาย จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าไม่มีการตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่แม้แต่ต้นเดียว คาดว่าการตัดไม้ไผ่เพื่อนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร
ทั้งนี้พื้นที่ที่ถูกบุกรุกจุดแรกวัดค่าพิกัดจากเครื่องมือ GPS ได้ จำนวน 7 จุด คำนวณเนื้อที่รวมกันได้ จำนวน 23-3-35 ไร่ จุดที่สองวัดค่าพิกัด GPS ได้ จำนวน 7 จุด คำนวณเนื้อที่รวมกันได้ 32-3-49 ไร่ รวมเนื้อที่ 56 ไร่เศษ เบื้องต้นได้จดทำบันทึกเรื่องรวมพร้อมนำหลักฐานเอกสารพร้อมภาพถ่าย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อสอบสวนสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยกล่าวหาว่า กระทำผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14,31 ฐาน ห้ามมิให้บุคคลใดยึดครอบครองการทำประโยชน์หรืออาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียสภาพป่าสงวนแห่งชาติ
กระทำผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 54, 55, 72 ตรี ฐาน ห้ามมิให้ผู้ใดก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผา หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อนตนเองหรือผู้อื่นหรือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ป่าไม้
และ กระทำผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ ฐาน ห้ามมิให้บุคคลใด เข้าไปยึดถือครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้าง หรือเผาป่าทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่ทรัพยากรในดิน
