เมื่อวันที่ 21 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า ตั้งแต่ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมได้แจ้งว่าได้มีคลื่นที่สูงและแรงมาก ส่งผลให้กระสอบทรายที่ชาวบ้านนำมาวางเป็นพนังกั้นคลื่นป้องกันคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง แต่ไม่สามารถต้านทานคลื่นที่แรงได้ ทำให้กระสอบทรายประมาณ 300 กระสอบ ที่ชาวบ้านนำมาเรียงตลอดชายหาดประมาณ 200 เมตร ได้รับความเสียหาย ทำให้ต้องย้ายร้านค้าที่ใกล้กับชายหาดทะเลหนีคลื่นห่างไปอีก
เช่นเดียวกับต้นไม้บริเวณชายหาดเจ้าไหม หาดปากเมง ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ล้มลงในทะเลระเนระนาด ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และน้ำทะเลยังกัดเซาะเข้ามาในพื้นดินกว่า 5 เมตร ทำให้เหลืออีกเพียงไม่กี่เมตรจะถึงถนนสายไม้ฝาด-หาดเจ้าไหม ซึ่งชาวบ้านกับนักท่องเที่ยวได้ใช้ในการสัญจรไปมา ส่งผลให้ชาวบ้านเรียกร้องให้มีการสร้างพนังกั้นคลื่นแบบถาวร ก่อนที่ถนนสายดังกล่าวจะเสียหายจากคลื่นซัดชายฝั่งที่รุนแรงขึ้นทุกๆ ปี
เจ้าของร้านอาหารบริเวณชายหาดปากเมง เขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้เข้าทำความสะอาด เก็บกวาดเศษขยะที่ลอยมากับคลื่นเกลื่อนชายหาด โดยเฉพาะช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา คลื่นแรงและสูงมาก น้ำทะเลล้นขึ้นมาถึงถนน ทำให้ทุกๆ เช้าก่อนที่จะเปิดร้านเพื่อขายอาหารแก่นักท่องเที่ยว จะต้องมีการกวาดขยะ ทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ และคอยระวังต้นไม้ที่จะล้มทับร้านค้า รวมทั้งห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปนั่งบริเวณใต้ต้นไม้ที่เสี่ยงจะล้มตลอดชายทะเล
อย่างไรก็ตาม จากการที่ช่วงนี้ทะเลตรังมีคลื่นสูงและรุนแรงมาก ทำให้การท่องเที่ยวบริเวณชายหาดปากเมง หาดเจ้าไหม ค่อนข้างจะเงียบเหงาเป็นอย่างมาก และส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด อีกทั้งน้ำทะเลมีสีขุ่นสกปรก เสี่ยงเกิดอันตรายจากคลื่นที่รุนแรง โดยเฉพาะช่วงนี้เรือเล็กห้ามออกจากฝั่ง ส่วนเส้นทางไปหาดเจ้าไหมยังมีคลื่นสูงซัดบริเวณเขื่อนพนังกั้นคลื่น ทำให้มีน้ำทะเลไหลข้ามถนน สร้างผลกระทบในการเดินทางเป็นอย่างมาก
