โควิดภูเก็ต ติดเชื้อพุ่งไม่หยุด คาดภายในสองอาทิตย์ลดลง

โควิดภูเก็ต ติดเชื้อพุ่งไม่หยุด คาดภายในสองอาทิตย์ลดลง

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.64 นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดภูเก็ต พบผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 200 คนต่อวัน เป็นช่วงที่พีคค่อนข้างสูง ข้อมูล เมื่อวันที่ 6 ก.ย.64 จำนวน 232 ราย เสียชีวิต 1 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 2,615ราย ส่วนจากแซนด์บ็อกซ์ ติดเชื้อสะสม 88 ราย

การแพร่ระบาดในพื้นที่ เมื่อพบคลัสเตอร์ใหญ่เข้าควบคุมโรค กักตัวรักษา เชิญผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไปที่ LQ หรือถ้าในชุมชนแออัดทางทีมงานจะลงตรวจเชิงรุก ตอนนี้ มีผู้เสี่ยงสูงกักตัวเกือบ 1 พันคน มีห้องกักตัวกว่า 500ห้อง ยังไม่รวมผู้เสี่ยงสูงที่กักตัวที่บ้าน

“ที่ผ่านมาได้ทำการตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ในกลุ่มประมง แคมป์คนงาน ตลาด ชุมชนแออัด ด้วยชุดตรวจ ATK ของทีมสาธารณสุข ยอดที่ใช้ 39,000 ชุด พบผลบวก 6% ได้ตรวจเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงต่างๆหมดแล้ว อย่างน้อยจะใช้เวลา 2 อาทิตย์ ผู้ติดเชื้อจึงจะลดลง คาดว่า ในอาทิตย์หน้าสถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนการใช้เตียงของกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวให้ท้องถิ่นร่วมดูแลตั้งศูนย์ดูแลโควิดชุมชน หรือ CI ศูนย์พักคอยต่างๆ เตียงจะว่างขึ้นให้ผู้ป่วยที่มีอาการเข้ารักษาตัว” นายแพทย์กู้ศักดิ์ กล่าว

ทางด้าน แพทย์หญิง วิทิตา แจ้งเอี่ยม ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา โรงพยาบาลวขิระภูเก็ต กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดภูเก็ต ผู้ติดเชื้อรายใหม่ หลัก 200ต่อวันมีรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 2,615ราย เป็นผู้ป่วยสีเขียว 2,200ราย บางส่วนอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม และ กลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง จำนวน 300ราย กลุ่มผู้ป่วยสีแดง จำนวน 50 ราย อยู่ในห้องแยกและหัองไอซียู บางส่วนของผู้ป่วยสีเขียวที่อยู่โรงพยาบาลสนาม

Advertisement

ได้ตั้งศูนย์ดูแลโควิดชุมชนในแต่ละพื้นที่ ในแต่ละอำเภอ ตำบล โดยใช้กลไกพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอที่มีอยู่แล้ว นำผู้ป่วยสีเขียวไปดูในชุมชนได้ โดยท้องถิ่นจะมีทีมแพทย์พยาบาลอยู่ด้วยรับปรึกษาจากทีมที่ดูแลผู้ป่วยในชุมชน ซึ่งจะมีเตียงสำหรับสีเหลืองที่สามารถปรับจากโรงพยาบาลสนามให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง และจะเอาเครื่องช่วยหายใจไปที่โรงพยาบาลสนามได้ เป็นกลยุทธ์ที่จะปรับขึ้นมาให้สามารถดูแลผู้ป่วยสีเหลืองในโรงพยาบาลสนาม

การที่พบผู้ป่วยมากขึ้น คือการตรวจค้นหาเชิงรุกเพิ่มมากขึ้น และคนเข้าถึงการตรวจเอทีเคที่หาซื้อได้เพิ่มมากขึ้น อาจจะมีเอทีเคที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาด้วย

ในส่วนผู้เสียชีวิตสะสม จำนวน 28 ราย วิเคราะห์พบว่า 90% เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี 80% มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค 70% ไม่เคยได้รับวัคซีน หรือไม่ครบสองเข็ม จึงต้องเร่งค้นหาและฉีดวัคซีนให้กลุ่ม 608 ให้เร็วที่สุด กลุ่มคนที่อายุ60ปีและหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเปราะบางมากที่เป็นโควิดแล้วจะอาการหนักป่วยรุนแรง จึงต้องจัดวัคซีนเข็ม 3 ให้กลุ่มนี้ เพื่อให้ภูมิคุ้มกันมากขึ้น ขอเน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคล DMHTTA ทุกคนต้องช่วยกันจะป้องกันโควิด-19 ได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image