ผู้ว่าฯภูเก็ตสั่งงานถือศีลกินผัก งดอภินิหารม้าทรง ลดพิธีกรรม เริ่ม 5-15 ต.ค.นี้

ผู้ว่าฯภูเก็ตสั่งงานถือศีลกินผัก งดอภินิหารม้าทรง ลดพิธีกรรม เริ่ม 5-15 ต.ค.นี้

เมื่อวันที่ 20 กันยายน นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามที่ได้มีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2564 กำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ สำหรับสถานที่ กิจกรรม หรือกิจการ เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลาการจัดระบบระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่ผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ

ดังนั้น เพื่อให้การจัดกิจกรรมงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ตประจำปี 2564 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่เป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรค โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ 55 /2564 จึงลงนามคำสั่ง ณ วันที่ 20 กันยายน 2564 คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 5560/2564 เรื่อง มาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในการจัดกิจกรรมงานประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2564

มาตรการด้านการป้องกันโรค

1.ให้แต่ละศาลเจ้าจัดพิธีการเป็นการภายใน โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีเฉพาะคณะกรรมการที่มีหน้าที่ม้าทรงและผู้เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นตามที่ผู้บริหารศาลเจ้ากำหนด โดยให้มีมาตรการ D-M-T-T-A อย่างเคร่งครัด

Advertisement

2.ม้าทรงทุกคนและพี่เลี้ยง รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานในศาลเจ้าทุกคน ต้องได้รับการฉีดวัคชีนครบสองเข็ม โดยได้รับการตรวจ ATK  (Antigen Test Kits) ก่อนเริ่มวันถือศีลกินผัก 1 วัน และตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ของการกินผัก ทั้งนี้ หากพบว่ามีผู้ใดมีอาการเข้าเกณฑ์นิยามผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient under Investigation : PUI) ให้ไปตรวจที่สถานพยาบาลและงดร่วมกิจกรรม โดยให้ผู้บริหารศาลเจ้า หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับผิดชอบและควบคุมกำกับในกรณีดังกล่าว

3.ลดขั้นตอนและพิธีกรรมให้เหลือเท่าที่จำเป็น หากมีพิธีกรรมที่จะต้องออกนอกสถานที่ให้ใช้ขบวนรถแทนการเดินเท้า

4.ลดจำนวนม้าทรงและพี่เลี้ยง ให้ประทับทรงเท่าที่จำเป็น และงดการแสดงอภินิหารของม้าทรง

5.ให้มีการคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าพื้นที่ศาลเจ้า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนในทุกพิธีต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รักษาระยะห่างตามมาตรการ D-M-H-T-T-A

6.ลดจำนวนจุดไหว้ให้เหลือเท่าที่จำเป็นและกำหนดจุดปักธูปสำหรับประชาชนให้อยู่ภายนอกห้องที่มีอากาศถ่ายเท

7.ห้ามมิให้ร้านค้าจำหน่ายประทัด (ยกเว้นประทัดแพที่ได้รับอนุญาต) และห้ามจุดพลุ ดอกไม้เพลิงและเล่นประทัด ดอกไม้เพลิงอันตราย ตามประกาศของจังหวัดภูเก็ต

8.การจัดโรงครัว ให้จัดเท่าที่จำเป็น และไม่ควรจัดให้มีการรับประทานอาหารร่วมกัน โดยให้แต่ละศาลเจ้ากำหนดรูปแบบการแจกจ่ายอาหารที่ลดความแออัดและให้สอดคล้องกับแนวทางที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตให้คำแนะนำ ภายใต้การควบคุมกำกับของกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ตามผนวก ก. แนบท้ายคำสั่งนี้

9.การรวมกลุ่มกันของทุกกิจกรรม ห้ามรวมกลุ่มเกิน 100 คน ทั้งนี้ ให้รวมทุกประเภทและเว้นระยะห่าง 1- 2 เมตร โดยให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

มาตรการควบคุมโรค

1.กรณีพบผู้ติดเชื้อในบริเวณประกอบพิธีกรรม หรือโรงครัวหรือสถานทีประกอบอาหาร หรือร้านค้าบริเวณศาลเจ้า ให้สถานพยาบาลในพื้นที่นำตัวผู้ติดเชื้อเข้ารับกรรักษา และกักตัวผู้สัมผัส ตามมาตรการที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กำหนด แล้วให้ปิดบริเวณนั้น อย่างน้อย 3 วัน เพื่อล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หลังจากนั้น จึงให้ผู้ปฏิบัติงานชุดใหม่เข้าปฏิบัติงานต่อได้

2.กรณีพบว่าประชาชนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมในศาลเจ้าเป็นผู้ติดเชื้อและผลการสอบสวนโรคพบว่าผู้ใดในศาลเจ้า/ร้านค้า บริเวณศาลเจ้าเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องเข้ารับการกักตัวตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรค

3.กรณีพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนต่อเนื่องมากกว่าร้อยละ 10 ของผู้เข้าร่วม ให้พิจารณาปรับลดกิจกรรม ลดจำนวนคนเข้าร่วม และหากพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนต่อเนื่องมากกว่าร้อยละ 20 ของผู้เข้าร่วมให้ยุติการจัดงานเพื่อควบคุมการระบาดของโรค

ให้ศาลเจ้าทุกแห่งในพื้นที่ที่มีการจัดงานประเพณีถือศีลกินผักดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU)กับศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอ (ศปก.อ.) ตามมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงเทศกาลถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2564 ในแต่ละอำเภอให้อยู่ภายใต้การควบคุมกำกับของหน่วยปฏิบัติกาควบคุมโรคติดต่ออำเภอของแต่ละอำเภอ โดยมีนายอำเภอเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ตามผนวก ข. แนบท้ายคำสั่งนี้

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับแห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2564 ถึงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2564

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image