เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพิ่มการระบายน้ำจาก 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรองรับน้ำที่จะไหลลงเขื่อนเพิ่มเติม จากจังหวัดเพชรบูรณ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา และลพบุรี ส่งผลให้เมื่อคืนที่ผ่านมาระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก เอ่อล้นตลิ่ง ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เอ่อท่วมเข้าบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่ง 2 ฝั่งคลอง ในเขตพื้นที่ อำเภอเสาไห้ ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 11 ตำบล ได้แก่ ต.เมืองเก่า ต.เริงราง ต.ศาลารีไทย ต.งิ้วงาม ต.บ้านยาง ต.เสาไห้ ต.สวนดอกไม้ ต.ม่วงงาม ต.ท่าช้าง ต.พระยาทด และ ต.ต้นตาล 50 กว่าครัวเรือน
ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเสียหายมากในครั้งนี้ ได้แก่ ม.4 และ ม.6 ต.เริงราง อ.เสาไห้ ชาวบ้านต้องเร่งขนของย้ายขึ้นที่สูง ซึ่งในขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ระดับสูงกว่า 70 เซนติเมตร และยังคงสูงขึ้นอยู่เรื่อยๆ มีประชาชนช่วยกันขนของขึ้นที่สูง บ้างก็ขนทัน บางหลังก็ขนของหนีน้ำไม่ทันก็ต้องปล่อยให้น้ำท่วมเสียหาย มีทั้งบ้านชั้นเดียว และบ้านสองชั้น ส่วนบ้านสองชั้นนั้น ชั้นล่างได้ถูกน้ำท่วมประมาณครึ่งขา ห้องนอนชั้นล่างนอนไม่ได้ ห้องน้ำเข้าไม่ได้ ส่วนบ้านชั้นเดียวที่ปลูกอยู่กับดินถูกน้ำท่วมเข้าบ้าน นอนอาศัยอยู่ไม่ได้ ด้านพื้นที่ที่ใช้เลี้ยงปูนา เพื่อนำไปขาย ถูกน้ำท่วมเกือบมิด ส่วนกระชังปลาที่อยู่ริมตลิ่งในเขตพื้นที่ อ.เสาไห้ ถูกกระแสน้ำพัดขาดไหลไปกับสายน้ำ บางกระชังก็ได้รับความเสียหายถูกกรแสน้ำพัดพัง
ด้าน นางธัญญาธร วสุครรุจี อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า ตั้งแต่เขื่อนป่าสักปล่อยน้ำมา น้ำก็ไหลทะลักเข้ามาเรื่อยๆ ขึ้นเร็วมาก เมื่อคืนนี้น้ำยังอยู่ชายคลองอยู่ จากนั้นไม่นานก็ไหลเข้าท่วมบ้าน ทำให้ตนเองขนของย้ายหนีน้ำไม่ทัน ซึ่งตนไม่คิดว่าน้ำจะขึ้นเร็วอย่างนี้เพราะว่าขณะที่เฝ้าระวังดูอยู่น้ำขึ้นมาอย่างช้าๆ ซึ่งน้ำได้ขึ้นเร็วแบบผิดคาด ส่วนบ้านของตนที่แรกคิดว่าจะทำเป็นรีสอร์ท แต่เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด 1-2 รอบก็ไม่ได้เปิด แต่พอมาครั้งนี้รอบ ได้เจอกับน้ำท่วมเข้าอีกก็เลยยังไม่ได้ทำอะไรเลย ส่วนผลกระทบเสียหายจากน้ำท่วมในครั้งนี้เยอะมาก ซึ่งในเขต ม.ที่ 4 และ 6 ต.เริงราง ได้รับผลกระทบน้ำท่วมกว่า 30 กว่าหลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลหรือช่วยเหลืออะไรเลย มีเพียงเพื่อนบ้านที่เข้ามาช่วยขนของย้ายหนีน้ำ
