ผู้ว่าฯสุราษฎร์หนุนสร้างท่าเรือสำราญเกาะสมุย เปิด ปท.สร้างรายได้ ชี้มีความต้องการเข้าเทียบปีละ 100 ลำ

ผู้ว่าฯสุราษฎร์ หนุนสร้างท่าเรือสำราญเกาะสมุย เปิดประเทศสร้างรายได้ เผยมีความต้องการสูงเข้าเทียบปีละ 100 ลำ เผยชาวเกาะสมุยเห็นด้วย เพิ่มศักยภาพท่องเที่ยวเชื่อมสนามบิน

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขอสนับสนุนให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า ดำเนินการโครงการก่อสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ที่บริเวณแหลมหินคม ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย ที่มีการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบ เพื่อรองรับเรือท่องเที่ยวในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย ซึ่งในปี 2561 มีเรือสำราญจากยุโรปและสิงคโปร์ เข้าเกาะสมุย จำนวน 48 ลำ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี 2563 มีเรือสำราญขนาดใหญ่เส้นทางยุโรป อเมริกา และสิงคโปร์ แจ้งเข้าเกาะสมุยเพิ่มขึ้นเป็น 64 ลำ มีความจุลำละ 2,000-6,000 คน แต่เข้ามาได้ส่วนหนึ่งเป็นช่วงเกิดระบาดโควิด-19 ต้องหยุดไป คาดว่าหลังสถานการณ์โควิดการท่องเที่ยวเรือสำราญจะกลับมาเดินทางอีกแน่นอน

นายวิชวุทย์กล่าวว่า เกาะสมุยเป็นจุดสำคัญในเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวของประเทศไทย และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยมีเรือสำราญต้องการเดินทางเข้ามายังเกาะสมุยปีละ 100 ลำ หรือไม่น้อยกว่า 300,000 คน จะเป็นการสร้างโอกาสเปิดประเทศอีกเส้นทางหนึ่งที่จะสามารถสร้างรายได้การท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ ซึ่งเกาะสมุยยังไม่มีท่าเรือเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ และพื้นที่บริเวณแหลมหินคม ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ (Cruise Terminal) เนื่องจากมีร่องน้ำลึกที่เหมาะสมอยู่แล้วและมีแนวกันลมกันคลื่นขนาดใหญ่สามารถรับเรือเข้าเทียบได้ตลอดปี

ด้านนายเสนีย์ ภูวเศรษฐถาวร รองประธานหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ได้ผลักดันโครงการท่าเรือสำราญตั้งแต่ตนเป็นนายกสมาคมฯ ซึ่งหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีและหอการค้าภาคใต้ ได้ร่วมเสนอในนามสภาหอการค้าไทย เห็นด้วยที่เกาะสมุยจำเป็นจะต้องมีจุดรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ และกรมเจ้าท่าได้จัดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นประชาชนเกาะสมุยเห็นด้วยว่าบริเวณแหลมหินคม มีความเหมาะสมที่สุดมีระดับน้ำลึกกว่า 20 เมตร และสร้างสะพานยาว 800 เมตร รองรับได้

“เกาะสมุยไม่มีท่าเรือใหญ่ที่ผ่านมาเรือสำราญต้องลอยกลางทะเลใช้เรือเล็กขนถ่ายนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะเสียเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มระดับสูงจากยุโรป อเมริกา และเอเชียต้องการขึ้นมาท่องเที่ยวบนเกาะ ถ้ามีท่าเรือจะอำนวยความสะดวกได้มากที่สำคัญท่าเรือสำราญแห่งนี้จะเชื่อมโยงกับสนามบินสมุยได้เต็มรูปแบบมีด่านตรวจคนเข้าเมืองระหว่างประเทศ นักท่องเที่ยวขึ้นเครื่องบินมาท่องเที่ยวพักแรมบนเกาะสมุยรอขึ้นเรือสำราญเดินทางต่อไปต่างประเทศ หรือลงเรือมาท่องเที่ยวพักบนเกาะกลับทางเครื่องบินได้สะดวกจะเป็นการเพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยว ซึ่งชาวเกาะสมุยพร้อมสนับสนุนขอให้กระทรวงคมนาคมเดินหน้าต่อ” นายเสนีย์กล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image