วิศวกรหนุ่มถูกแฮกบัตรเครดิต สูญเงินกว่า 1 แสนบาท

วิศวกรหนุ่มถูกแฮกบัตรเครดิต สูญเงินกว่า 1 แสนบาท

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 18 ตุลาคม ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย รอง ผบช.ก.1 พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกันสอบสวน นายอภิรักษ์ (แก้ว) แซ่เตีย ผู้เสียหายถูกหักเงินจากบัตรเครดิตโดยไม่ทราบสาเหตุ

จากการสอบสวนนายอภิรักษ์ทราบว่า ผู้เสียหายมีอาชีพเป็นวิศวกรของบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีข้อความจากธนาคารเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตธนาคาร ครั้งที่ 1 หักเป็นเงินสกุลตุรกี 1.66 เหรียญลีราตุรกี (TRY) คิดเป็นเงินไทย 6 บาท ครั้งที่ 2 โอนเข้าบัญชีธนาคารผ่านบัตรเครดิต เป็นเงินสกุลตุรกี 1.66 เหรียญลีราตุรกี คิดเป็นเงินไทย 6 บาท (คืนเข้าบัญชีของผู้เสียหาย)

ต่อมาครั้งที่ 3 หักเงินจากบัตรเครดิตของผู้เสียหายเป็นเงินตุรกี 9,000 เหรียญลีราตุรกี คิดเป็นเงินไทย 33,869.30 บาท ครั้งที่ 4 หักเงินจากบัตรเครดิตของผู้เสียหายเป็นเงินตุรกี 21,000 เหรียญลีราตุรกี คิดเป็นเงินไทย 79,028.36 บาท รวมยอดเงินของผู้เสียหายที่ถูกหักจากบัตรเครดิตเป็นเงิน จำนวน 112,897.66 บาท เห็นว่ามีเงินถูกหักออกจากบัตรเครดิตผิดปกติ จึงได้นำเรื่องราวโพสต์สอบถามในสื่อโซเชียล พร้อมกับเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา

จากการสอบสวนยังทราบว่า ผู้เสียหายได้ใช้บัตรเครดิตล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ก.ย. สั่งซื้อกล้อง ราคา 14,000 บาท ผ่านเว็บไซต์ขายสินค้าชื่อดัง ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตธนาคาร จนกระทั่งมาพบความผิดปกติการหักเงินจำนวนมาก

Advertisement

นอกจากนี้ สมัครเรียนผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศ โดยใส่ข้อมูลบัตรเครดิตและรหัสความปลอดภัยหลังบัตรในการสมัครเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้คนร้ายแฮกข้อมูลบัตรเครดิตดังกล่าวได้

พล.ต.ท.จิรพัฒน์กล่าวว่า หลังจากรับทราบข้อมูลจาก สภ.พระนครศรีอยุธยา ถึงกรณีถูกหักเงินโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงได้เดินทางมาสอบสวนพร้อมได้สั่งให้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเป็นคดีพิเศษ โดยให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น รวมถึงประสานกับตำรวจ ICT ตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น จากโซเชียลมีเดีย ความเชื่อมโยงระหว่างผู้เสียหายกับสถานที่ซึ่งเคยนำบัตรไปใช้ก่อนหน้านี้ ข้อมูลจากทางธนาคารเจ้าของบัตร ซึ่งปรากฏการทำธุรกรรมพิกัดสถานที่ ชื่อ ร้านค้าผู้ประกอบการ และจัดทำรายงานการสืบสวนประกอบสำนวน

ซึ่งหากพิสูจน์ทราบตัวคนร้ายผู้กระทำผิดได้ให้เสนอศาลออกหมายจับ หรือหากเป็นกรณีความผิดเกี่ยวเนื่องนอกราชอาณาจักร จะได้มอบหมายหน้าที่ให้ พนักงานสอบสวนทำการสอบสวน (ตาม ป.วิ อาญา ม.20) ทั้งนี้ การฉ้อโกงทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจเป็นพิเศษ และได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. รับแจ้งทุกคดี และเร่งรัดติดตามเพื่อหาตัวคนกระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้เร็วที่สุด และฝากถึงประชาชนหากได้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ สั่งซื้อของออนไลน์ไม่ได้รับสิ่งของ หรือถูกหักเงินไม่ทราบสาเหตุ ให้ท่านรีบแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจใกล้บ้านท่านได้ทันที

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image