กกต. ขอร่างรธน.ใหม่ เพิ่มอำนาจชุดสืบสวนจัดการโกงเลือกตั้งได้ ชี้ที่ผ่านมาล่าช้า-ตรวจยาก

วันที่ 27 กันยายน ที่โรงแรมเวียงอินทร์ จังหวัดเชียงราย คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ได้จัดให้มีการประชุมสัมมนาเจ้าหน้าที่จากศาลยุติธรรม สำนักงาน ปปช. เจ้าหน้าที่ กกต.และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อกำหนดกรอบแนวทางและการปฎิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ เพื่อเตรียมการป้องกันปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรหรือ ส.ส. ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม ปลายปี 2560 หลังประชาชนทั่วประเทศได้มีการลงประชามติรับร่างรัฐนูญฉบับใหม่ไปแล้วก่อนหน้านี้

โดยที่ประชุมได้หารือกันในหลายแนวทางทั้งในส่วนของการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องมีกหารจัดทำเป็นหลักสูตรของการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมมากกว่าเดิม  การดำเนินจัดหาอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอต่อการจัดการเลือกตั้ง  ตลอดจนหารหารือด้านกฎหมายที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งให้มีความดป่งใสและสามารถตรวจสอบ เอาผิดกับผู้กระทำผิดกับการเลือกตั้งได้ ก่อนที่จะมีการเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือ กรธ. ซึ่งทาง กกต.จะทำการชี้แจงและข้อเสนอต่างกับ กรธ.ในช่ววันที่ 28-29 กันยายนนี้ที่รัฐสภา

นายบุญส่ง น้อยโสภร กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เปิดเผยว่าในการเลือกตั้งแต่ละครั้งมีการทุจริตหรือการบล็อคโหวตและมีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตมายังกกต.นับหมื่นเรื่อง แต่ที่ผ่านมากกต.ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้มากนักเนื่องจากขาดไม่มีอำนาจโดยตรง ได้แต่การรับแจ้งและประสานหน่วยงานที่มีอำนาจด้านกฎหมายเข้าดำเนินการซึ่งมีความล่าช้าและตรวจสอบยาก การเลือกตั้งครั้งใหม่ทาง กกต.จึงเสนอไปยัง กรธ.ในการเพิ่มบทบาทและอำนาจให้กับ กกต.มากขึ้น โดยเฉพาะชุดสืบสวนสอบสวนที่สามารถเข้าตรวจค้น ตรวจสอบ ออกหมายเรียกหรือตรวจยึดทรัพย์สินมาตรวจสอบได้

201609271401127-20021028190531

Advertisement

นายบุญส่งกล่าวว่าอำนาจดังกล่าวจะอยู่ในกรอบเฉพาะในเรื่องของการเลือกตั้งเท่านั้นไม่ก้าวก่ายงาของตำรวจหรือหน่วยงานอื่นที่เป็นเรื่องของคดีความตามที่หลายฝ่ายตั้งข้องกังวล เพราะมีการทุจริตเลือกตั้งหลายเรื่องแม้จะมีคลิปและพยานพร้อม แต่ทำได้เพียงออกหมายเรียกมาชี้แจง เมื่อไม่มาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ขณะที่กรอบระยะเวลาการตรวจสอบมีเพียง 60 วันนับจากวันเลือกตั้ง ซึ่งบางครั้งเมื่อเวลาผ่านไปนานพยานกลับคำให้การหรือประกาศรับเลือกตั้งไปแล้ว แม้จะให้สามารถสอยทีหลังได้ แต่หากบางคนได้ตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีก็ทำได้ยาก

นายบุญส่งยังกล่าวด้วยว่านากจากนี้ทางกกต.ก็อยากให้มีการลิงก์ข้อมูลด้านการข่าวกับหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะทางตำรวจ ดีเอสไอ หรือสันติบาล ที่จะมีการทำงานและมีข้อมูลคล้ายกัน แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เชื่อมโยงกัน จึงจะทำอย่างไรให้สามารถเชื่อมกันได้อย่างถูกกฎหมายเพื่อเพิ่มระสิทธิภาพในการดำเนนการร่วมกัน ส่วนการจัดเตรียมการเลือกตั้งต่างๆ ขณะนี้นั้นไม่มีปัญหาทาง กกต.มีความพร้อมตลอดเวลาสามารถจัดการเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆไว้หมดแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image