ญาติเผยพ่อฆ่าลูกพ้นทรมาน เหมือนเตรียมการล่วงหน้าแล้ว เมียอยากถามผัวทำแบบนี้ถูกต้องแล้วหรือ

ญาติเผยพ่อฆ่าลูกพ้นทรมาน เหมือนเตรียมการล่วงหน้า เมียอยากถามผัวทำแบบนี้ถูกต้องแล้วหรือ

จากกรณี นายทองไสว อังคะมาตย์ หรือกึด อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191 หมู่ 3 บ้านหนองไชยวาน ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม ฆ่าลูกชายนายอนันทชัย อังคะมาตย์ หรือเท่ อายุ 22 ปี ซึ่งป่วยติดเตียงเป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ จ.ชลบุรี เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ก่อนที่นางสังวรณ์ อรรคบาล อายุ 54 ปี เหมารถยนต์ไปรับลูกชายกลับมารักษาต่อที่บ้านเกิด ทำให้นายกึดทนเห็นสภาพลูกชายที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงเช่นนี้ไม่ได้ จึงอาศัยจังหวะที่นางสังวรณ์ออกไปดูต้นข้าวในนากับลูกสาวคนเล็ก ใช้เชือกไนล่อนที่ล่ามควายนำมารัดคอลูกมัดกับหัวเตียงเหล็กจนขาดอากาศหายใจ จากนั้นก็คว้ามีดพร้าเดินลัดทุ่งนาไปยังศาลาอเนกประสงค์ริมสระน้ำหนองไชยวาน ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ใช้มีดเชือดคอตัวเองเสียชีวิตตามลูกชายที่ตนเองรักมากที่สุด เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ตุลาคม ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

คลิกอ่าน สุดเศร้า พ่อจำใจรัดคอลูกป่วยติดเตียง ก่อนลาโลกตาม แม่เล่าน้ำตาตก หมดเงินค่ารักษา

ล่าสุด วันที่ 24 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวได้รายงานบรรยากาศงานศพของสองพ่อลูกที่ตั้งโลงเคียงข้างกันในบ้านเลขที่ดังกล่าว โดยตลอดทั้งคืนมีญาติและเพื่อนบ้านเข้ามาแสดงความเสียใจกับนางสังวรณ์ผู้สูญเสียสามีและลูกไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ นายแววดาว อังคะมาตย์ อายุ 42 ปี น้องชายของนายกึดได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พี่ชายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ไม่ดื่มของมึนเมา และไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งสิ้น ตั้งแต่ทราบข่าวว่านายเท่ประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นคนพิการ ก็มีความเสียใจแต่ไม่บ่นให้ใครฟัง เพราะนายกึดรักลูกชายคนนี้มาก แม้กระทั่งตอนกลางคืนเกรงลูกจะว้าเหว่ต้องนอนคนเดียวที่ชั้นล่างของตัวบ้าน อีกทั้งไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงมุดเข้าไปนอนใต้เตียงเป็นเพื่อนลูกทุกคืน และคอยดูแลเปลี่ยนแพมเพิสเช็ดอุจจาระทำความสะอาดแผลที่กดทับเสมอ

Advertisement

นายแววดาวเล่าต่อว่า ก่อนจะเกิดเหตุสลดใจประมาณ 4-5 วัน นายกึดพี่ชายจะถางหญ้ารอบๆ รั้วบ้าน เก็บกวาดทำความสะอาดทั่วบริเวณจนเอี่ยม คล้ายเตรียมการณ์ไว้เพื่อจัดงานศพของตัวเอง และเหมือนเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้าย โดยจะไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านให้ช่วยดูแลครอบครัวหากตนไม่อยู่แล้ว นายแววดาวกล่าวทิ้งท้ายว่า พี่ชายทำใจไม่ได้ที่ต้องเห็นลูกชายอยู่ในสภาพพิการแบบนี้ จึงต้องการให้ลูกพ้นจากการทรมานและก็ฆ่าตัวเองตายตาม

ด้านนางสังวรณ์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า หลังญาติมากันครบแล้วก็ปรึกษาหารือจึงมีความเห็นจะฌาปนกิจศพในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ณ ป่าช้าประจำหมู่บ้าน หลังจากนั้นยังคิดไม่ออกว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร หากวิญญาณสามีสามารถรับรู้ได้อยากจะถามว่า การทำเช่นนี้มันเป็นสิ่งถูกต้องแล้วหรือที่ทิ้งคนข้างหลังเผชิญชะตาชีวิตเพียงลำพัง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image