ชาวบ้านยื่นฟ้องกรมชลฯ บริหารจัดการน้ำผิดพลาด เรียกค่าเสียหายกว่า 142 ล้าน

เสียหายน้ำท่วม! ชาวบางปลาม้า-สองพี่น้อง ยื่นฟ้องกรมชลฯ บริหารจัดการน้ำผิดพลาด เรียกค่าเสียหายกว่า 142 ล้านบาท จ่อฟ้องเพิ่มอีก 2 พันกว่าราย

ที่ศาลปกครอง จ.สุพรรณบุรี ได้มีกลุ่มชาวบ้าน เดินทางมาจาก อ.สองพี่น้อง และ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วย ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษา รมว.ทส. พร้อมด้วยทีมทนายความ ผู้นำท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน สจ. เดินทางไปที่ศาลปกครองสุพรรณบุรี เพื่อยื่นฟ้องกรมชลประทาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำโดยผิดพลาด ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงและน้ำท่วมขังในจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทั้งที่พักอาศัยและที่ทำกิน โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม 100% และส่วนใหญ่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว มีภาระหนี้สินจำนวนมาก โดยได้มีชาวบ้านอีกมากกว่า 2 พันครอบครัวได้แสดงเจตนาที่จะยื่นฟ้องกรมชลประทานกับพวกต่อทนายความแล้ว แต่ในวันนี้ได้มีการยื่นฟ้องแล้วเป็นจำนวน 210 คน คิดเป็นค่าเสียหายรวมประมาณ 140 ล้านบาทเศษ

ด้าน ดร.อุดม โปร่งฟ้า ได้กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวบ้านต้องยื่นฟ้องกรมชลประทานกับพวกต่อศาลปกครองสุพรรณบุรี ก็เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในปี 2564 ที่กรมชลประทานได้ระบายน้ำเข้าสู่พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีโดยไม่ยอมระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพราะเกรงว่าอาจเกิดปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดปริมณฑลและกรุงเทพมหานคร แต่ปล่อยให้ชาวสุพรรณบุรีต้องได้รับความเดือดร้อนเสียหายเพียงจังหวัดเดียว ที่สำคัญ รัฐบาลให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่เสมอว่าเป็นห่วงชาวสุพรรณบุรีที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม แต่กลับไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะช่วยเหลือชาวบ้าน โดยเฉพาะเมื่อชาวบ้านทราบว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยหรือเยียวยาให้แก่ชาวบ้านในจังหวัดสุพรรณบุรีเพียงครอบครัวละ 50,000 บาทเศษ ทั้งที่ชาวบ้านได้รับความเสียหายจริงมากกว่าเงินที่รัฐบาลจะจ่ายชดเชย ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถยอมรับได้ จึงได้รวมตัวกันยื่นฟ้องกรมชลประทานในครั้งนี้

สำหรับในการฟ้องคดีครั้งนี้ของชาวจังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากจะเรียกค่าเสียหายตามที่ชาวบ้านได้รับความ เสียหายจริงจากกรมชลประทานแล้ว ชาวสุพรรณบุรี ยังต้องการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมชลประทานกำหนดนโยบายบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการระบายน้ำอย่างเป็นธรรม โดยการกระจายมวลน้ำที่มีจำนวนมหาศาลให้ลงสู่พื้นที่แก้มลิงต่างๆ อย่างเหมาะสม มิใช่ระบายน้ำลงสู่พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีเพียงแห่งเดียว และชาวบ้านยังขอพึ่งบารมีศาลปกครองสุพรรณบุรี ให้ห้ามกรมชลประทานระบายน้ำเข้าสู่พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีในปริมาณน้ำที่เกินกว่าพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีจะรองรับน้ำได้ ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับปัญหาน้ำท่วมในปี 2564 นี้อีกด้วย

Advertisement

สำหรับ คำขอของผู้ฟ้องคดี (ระบุวัตถุประสงค์หรือความต้องการของผู้ฟ้องคดี)

1. ขอศาลได้โปรดมีคำพิพากษาห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ระบายน้ำเข้าสู่พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ในปริมาณน้ำที่เกินกว่าความสามารถในการรับน้ำของพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีจะรองรับได้ และบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันกำหนดนโยบายการบริหารจัดการน้ำในสภาวะที่มีมวลน้ำจำนวนมากเกินกว่าที่ปริมาณน้ำในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีจะรองรับน้ำได้ โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ดำเนินการระบายน้ำไปสู่พื้นที่รองรับน้ำต่างๆอย่างสมดุลและอย่างเป็นธรรม และบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกำหนดค่าชดเชยหรือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและความเสียหายในจำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง และให้ดำเนินการโดยเร็ว โดยขอให้ศาลบังคับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองออกกฎ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา

2. ขอศาลได้โปรดมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นเงิน 600,000 บาท จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 เป็นเงิน 4,500,000 บาท จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 3 เป็นเงิน 1,2000,000 บาท ฯลฯ

Advertisement

ด้าน นายรังสรร ปิยะจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ชาวอำเภอบางปลาม้า ได้เปิดเผยว่า ชาวบ้านได้รับผลกระทบหนักมาก ท่วมมานานกว่า 2 เดือน ระดับน้ำก็สูง ท่วมถนน ท่วมบ้าน ทางเข้าออกหมู่บ้าน ต้องใช้เรือสัญจรเพียงอย่างเดียว ทำมาหากินไม่ได้เลย จึงอยากฝากถึงกรมชลประทาน ในการบริหารจัดการน้ำ ขอร้องอย่าปล่อยมาให้เกินลิมิต ที่เราจะรับน้ำได้ เราทำมาหากินไม่ได้ ชีวิตความเป็นอยู่ก็ลำบาก หนี้สิน ดอกเบี้ยธนาคาร ค่าเช่านา เมื่อเราทำมาหากินกันไม่ได้ เราจะเอาเงินที่ไหนไปชำระ ก็ให้นึกถึงพวกเราบ้าง ทุกวันนี้น้ำยังท่วมขังอยู่ ลดไปนิดเดียว ถนนสายรองในหมู่บ้าน บางสายยังใช้การไม่ได้เลย การกินการอยู่การใช้ชีวิตก็ลำบากกัน น้ำท่วมเสียหายหมดแล้ว

นายสมชาย พุฒเกิดพันธ์ รองประธานชมรมกุ้ง ชาวบ้าน หมู่ 9 ต.บางตาเถร กล่าวว่า น้ำท่วมในปีนี้ ระบายน้ำเกินไป ไม่เป็นธรรม ปล่อยมาท่วมพื้นที่การเกษตรหมดเลย บ้านที่อาศัยก็ไม่มีจะอยู่ นอนไม่ได้ เรื่องทำมาหากินก็ลำบาก บ่อปลา บ่อกุ้ง ก็ถูกน้ำท่วมเสียหายหมด วันนี้พวกเราก็เดือดร้อนหนักมา จึงขอใช้สิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย เพื่อขอความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image