อยุธยาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากตลาดสดหัวรอ 8 ราย รอผลยืนยัน 5 ราย เทศบาลนครกรุงเก่า ร่วมกับสาธารณสุขเร่งควบคุมตัดวงจรแพร่ระบาด
วันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้นายกฤษณ์ เถี่ยนมิตรภาพ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นายนพดล ตั้งธรรมโรจน์ เลขานุการนายก เรียกประชุมหน่วยงานสาธารณสุขหารือแนวทางในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ตลาดสดหัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังพบผู้ติดเชื้อ 8 ราย และทางสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ได้ร่วมกันตรวจเชิงรุกด้วยวิธีการ ATK จำนวน 53 ราย มีผลบวก 5 ราย และได้ส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RC – PCR อยู่ระหว่างรอผล โดยทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เตรียมลงพื้นที่พ่นยาฆ่าเชื้อที่บริเวณตลาดดังกล่าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและตัดวงจรการแพร่ระบาด
นายกฤษณ์ เถี่ยนมิตรภาพ กล่าวว่า หลังจากทราบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ในตลาดสดหัวรอ ทางว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้เรียกประชุมทีมสาธารณสุขเพื่อวางแนวทางในการเข้าควบคุมการแพร่ระบาดร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเบื้องต้นจะดำเนินการพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งตลาด รวมถึงแจกชุดตรวจให้กับประชาชนในพื้นที่ตลาดสดด้วย
ด้านนายแพทย์ณรงค์ ถวิลวิสาร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า หลังจากทราบข้อมูลผู้ติดเชื้อในตลาดสดหัวรอ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับศูนย์แพทย์ฯ ลงตรวจเชิงรุกในบริเวณตลาดหัวรอ บริเวณตึกสี่คูหา ที่พบผู้ป่วย เพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยงและบุคคลใกล้ชิด มีการตรวจหาเชื้อโดยวิธี ATK ผลบวก 5 ราย พร้อมนำส่งตรวจหาเชื้อยืนยันที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ให้ติดตามข่าวประกาศจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งให้ระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อความปลอดภัยและปลอดโรค และขอเชิญประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และโรคเรื้อรัง รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน สามารถลงทะเบียนการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลที่ท่านรักษาหรือ รพ.สต. ใกล้บ้าน “การฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อลดการแพร่ระบาด ลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตสร้างความปลอดภัยให้ทุกคนในประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวรองรับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล”