สลด! พี่ชายกลับจากทำสวนเจอน้องเมาหาเรื่องทะเลาะ สุดทนใช้ไม้ทุบดับคาที่
เมื่อเวลา 19.25 น.วันที่ 4 ธันวาคม ร.ต.อ.ขันติ เพียรสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งจากทาง 191 ตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ ว่ามีเหตุฆ่ากันตายบริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดชัยภูมิ จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิ และหน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ถูกทุบด้วยของแข็ง สวมเสื้อสีเขียว กางเกงยีนขายาว ทราบต่อมาชื่อ นายวิจิตร สีแล อายุ 30 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ทราบต่อมาชื่อนายธนกริช สีแล อายุ 44 ปี เป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิตเอง ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวพาไปเพื่อระงับสติอารมณ์
จนได้สอบถามไปยังนายธนกริช พี่ชายผู้ตายซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าน้องชายตัวเองครั้งนี้ จึงเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้เดินทางกลับมาจากไปทำสวน และกลับมาบ้านเพื่อที่จะมาชาร์จไฟแบตเตอรี่กลับไปไว้ใช้เพื่อนอนฝ้าที่สวนต่อ แต่มาถึงบ้านน้องชายที่กำลังนั่งดื่มสุราอยู่หน้าบ้านกลับเดินเข้ามาต่อว่าตนเอง รวมทั้งน้องชายยังวิ่งเข้ามาชกต่อยตนเองและจะไปใช้อาวุธมีดเข้ามาทำร้ายตัวเองไม่หยุด จึงรีบวิ่งไปหามีดและไม้ที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน มาต่อสู้และฟันทุบเข้าที่น้องชาย ก่อนที่น้องชายของตนจะล้มลง ด้วยอารมณ์พาไปจึงทั้งแทงและใช้ไม้ฟาดซ้ำจนน้องแน่นิ่งเลือดกระจายไปทั่วร่างจนเสียชีวิต
ส่วนทางด้าน น.ส.มินตรา สองงาม อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุเล่าว่า ตนและสามีซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางกลับมาบ้าน หลังจากที่ตนและสามีนั้นไปทำงานและนอนอยู่ที่ไร่สวนตลอดวันนี้ตนและสามีจะกลับมาชาร์จไฟแบตเตอรี่เพื่อนำกลับไปใช้ในที่สวน และซื้อหาอาการกลับไปกินที่สวน กระทั้งมาพบน้องชายที่กำลังดื่มสุราอยู่ที่บ้านจนเมาได้ที่ และยังไปคว้ามีดวิ่งเข้ามาจะทำร้ายตนและสามี ก่อนที่สามีจะรีบเข้าไปห้ามและเกิดเข้าชุลมุนต่อสู้กันจนมีกระหน่ำตีและฟันน้องชายจนเสียชีวิตครั้งนี้ขึ้น
ต่อมาทางด้าน ร.ต.อ.ขันติ เพียรสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ หลังเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลชัยภูมิ และให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ คุมตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองชัยภูมิ ก่อนที่จะแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนผู้เสียชีวิตยังต้องนำร่างส่งไปชันสูตรพลิกศพเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกอีกครั้ง ก่อนจะได้ประสานให้ญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
