วันที่ 4 ตุลาคม จากกรณีภาคประชาชนร้องสำนักงาน ป.ป.ช.-สตง. และ ป.ป.ท.พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยอ้างว่าผู้บริหารและปลัด อบต.สามัคคี ร่วมกันทุจริตโครงการซ่อมแซมถนนลูกรังและยังมีโครงการประปาตั้งแต่ปี 2552-2559 งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งมีการสอบสวนจาก ป.ป.ท. สตง.และอำเภอร่องคำ ล่าสุดชาวบ้านและสภา อบต.สามัคคีได้ออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและเร่งดำเนินการตรวจสอบ หลังจากใช้เวลานานกว่า 2 เดือนแล้วกลับไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่มีการยื้อเวลาออกไปให้ชาวบ้านลืม หวั่นกลายเป็นมวยล้ม
นายสุภัทรชัย หันจรัส ประธานสภา อบต.สามัคคี อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากภาคประชาชน เพื่อให้สภา อบต.สามัคคีตรวจสอบปัญหาโครงการซ่อมแซมถนนลูกรังในปีงบประมาณตั้งแต่ปี 2552 ถึงปี 2559 โดยชาวบ้านระบุว่ามีการทุจริตอยู่หลายโครงการ ซึ่งทางสภา อบต.สามัคคีจึงทำตามหน้าที่และมีมติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น พร้อมกับให้สมาชิก อบต.แต่ละหมู่บ้านทั้ง 15 หมู่บ้านลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบและตรวจสอบเอกสาร แล้วนำผลกลับมารายงานในที่ประชุม ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่ามีมูลทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยเฉพาะมีการเลี่ยงเข้าชี้แจงต่อที่ประชุม มีการเลี่ยงการจัดซื้อจัดจ้าง การประมูลแข่งขันขันราคา เป็นการตกลงราคาจ้างไม่เกิน 1 แสนบาท และมีบริษัทรับเหมาเพียง 3 ห้างเท่านั้นที่รับงานมาโดยตลอด ไม่มีประกันสัญญาจ้าง ไม่มีช่างคุมงาน มีโครงการผีจริง คือไม่มีถนน แต่มีการเบิกจ่ายเงิน อีกทั้งถนนบางสายซึ่งใช้งบประมาณในการซ่อมเฉลี่ย 9 หมื่นบาท ซึ่งที่จริงจะได้หินลูกรังไปซ่อมประมาณ 100 คัน แต่เท่าที่พบมีการนำหินไปลงจริงเฉลี่ยสายละเพียง 20-30 รถเท่านั้น ถนนหลายสายไม่มีหิน มีแต่ดิน มีการซ่อมถนนซ้ำซ้อนกับ อบจ.กาฬสินธุ์ และมีการตั้งงบซ่อมบ่อยครั้ง อีกทั้งยังให้การเท็จต่อสภา อบต.อีกด้วย
นายสุภัทรชัยกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ อ.ร่องคำนั้น ทราบว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบและอยู่ระหว่างการสอบ แต่การดำเนินงานล่าช้าอย่างมาก ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2559 ขณะนี้ผลการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งการเรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นไม่มีหนังสือมาแจ้ง เพียงแต่โทรศัพท์มาบอกให้เข้าไปสอบปากคำ และการสอบเป็นการสอบแต่พยาน ไม่มีการตรวจสอบเอกสาร ซึ่งเหมือนกับว่าเป็นการยื้อเวลาไว้ให้สังคมและประชาชนลืมแล้วเรื่องเงียบหายไป ส่วนกรณีสภา อบต.สามัคคีได้ลงมติทำหนังสือให้ย้ายปลัด อบต.สามัคคีออกนอกพื้นที่นั้น ขณะนี้เรื่องก็ยังเงียบเช่นกัน และยังไม่มีความคืบหน้า จนขณะนี้ชาวบ้านและสภา อบต.สามัคคีเกิดความหวาดผวา เนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพล แต่ทุกคนยังยืนยันที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องจนถึงที่สุด
ด้านนายบุญเพ็ง เยาวบุตร ในฐานะตัวแทนภาคประชาชนของชาว ต.สามัคคี อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนประชาชนชาว ต.สามัคคีขอเรียกร้องให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับอำเภอดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพราะเท่าที่เชิญชาวบ้านเข้าไปสอบปากคำกลับพบว่ามีคณะกรรมการสอบเพียง 1 คน จากทั้งหมด 3 คน ซึ่งตามขั้นตอนการสอบอย่างน้อยต้องมีคณะกรรมการสอบด้วยกัน 2 คน แต่กลับพบว่ามีเพียงท้องถิ่นอำเภอสอบเพียงคนเดียวเท่านั้น และยังไม่มีการตรวจสอบเอกสารของทาง อบต.สามัคคี ชาวบ้านจึงเกรงว่าจะเป็นการยื้อเวลา เตะถ่วงให้คนลืม และกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู ดังนั้นจึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่ลงพื้นที่เข้ามาตรวจสอบ ทั้ง ป.ป.ช.กาฬสินธุ์ สตง.กาฬสินธุ์ ท้องถิ่นจังหวัด ท้องถิ่น อ.ร่องคำ และ ป.ป.ท.เร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจัง ไม่ใช่ลงพื้นที่แล้วก็ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป ทั้งๆ ที่เป็นความเดือดร้อน อีกทั้งเงินทุกบาททุกสตางค์ก็เป็นเงินภาษี เป็นเงินของแผ่นดิน และเป็นปัญหาทุจริตที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าปราบอยู่ จึงไม่อยากให้ลงพื้นที่มาแล้วกลับนิ่งเฉย ทำให้สูญเสียงบประมาณแผ่นดินอย่างนี้
ขณะที่นายสัมฤทธิ์ กิตติโชติ สุขสงค์ นายอำเภอร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะผู้กำกับดูแล อบต.สามัคคี กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการซึ่งมีปลัดอาวุโสอำเภอร่องคำ ท้องถิ่น อ.ร่องคำ และเจ้าหน้าที่รวม 3 คนได้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงกรณี โดยการสอบพยานไปแล้ว 49 ปาก ซึ่งยังเหลือตัวนายก อบต.สามัคคี ปลัด อบต.สามัคคี และประธานสภา อบต.สามัคคีรวม 3 คนที่ยังไม่ได้สอบ เนื่องจากติดภารกิจ ซึ่งทางคณะกรรมการจะเร่งดำเนินการสอบให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ และสรุปผลส่งให้กับทางจังหวัดพิจารณาต่อไป ส่วนกรณีการส่งหนังสือให้ย้ายปลัด อบต.สามัคคีออกนอกพื้นที่นั้น ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเช่นกัน เพราะเรื่องดังกล่าวจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้ร้องและฝ่ายผู้ถูกร้องด้วย ซึ่งการตรวจสอบก็ต้องใช้เวลา
