‘เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น’ เดินทางเข้าพบนายก อบจ.สงขลา เรียกร้องให้มีการพิจารณาหยุดขั้นตอนในการเปลี่ยนสีผังเมืองรวมจะนะจากสีเขียวเป็นสีม่วง หลังทราบว่ามีความพยายามสอดไส้สีม่วงในพื้นที่ 3 ตำบลโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา นำโดยนายกิตติภพ สุทธิสว่าง พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ เดินทางไปที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาเพื่อทวงถามกรณีการเปลี่ยนสีผังเมืองชุมชนจะนะจากสีเขียวเป็นสีม่วง เพื่อขับเคลื่อนโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต แม้ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 คณะรัฐมนตรีได้มีมติในการให้ชะลอโครงการแล้วเริ่มต้นกระบวนการศึกษาผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA แล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ยังมีกระแสข่าวการเดินหน้าเปลี่ยนสีผังเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอจะนะ ด้วยการสอบถามความเห็นไปยังผู้นำชุมชนในพื้นที่ แล้วให้ตัวแทนของบริษัท ทีพีไอโพลีนพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงถึงการเปลี่ยนสีผังเมือง เมื่อชาวบ้านในพื้นที่ทราบจึงมีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเดินทางมาเพื่อเข้าพบนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.สงขลา เพื่อชี้แจงถึงการทำผังเมืองรวมจะนะที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ใช้เวลานานกว่า 3 ปี
นายกิตติภพกล่าวว่า ตนเองได้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ กับ อบจ.ร่วมกันศึกษาข้อมูลในการได้ที่มาซึ่งผังเมืองสีเขียว เพียงแต่ยังไม่ได้มีการประกาศใช้ และในช่วงที่ชาวบ้านในพื้นที่ไปร่วมชุมนุมใน กทม.กลับมีความพยายามในการดำเนินการสอดไส้ผังเมืองสีม่วงในผังเมืองสีเขียวในพื้นที่ 3 ตำบลในโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ้างถึง พ.ร.บ.ผังเมือง 2562 แต่กลับพบว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวได้มีการให้เพิ่มเติมการจัดทำผังน้ำ ผังทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น มิได้มีการให้เปลี่ยนผังเมืองเพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งทาง อบจ.แจ้งว่ากรมโยธาธิการและผังเมืองได้มีการเพิ่มเติมประเด็นดังกล่าวขึ้น มิใช่มติของกรรมการผังเมืองแต่อย่างใด จึงขอให้ อบจ.หยุดดำเนินการในกรณีดังกล่าว โดยขอเอกสารหลักการการหยุดดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษร และจะต้องมีการติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดต่อไป
ด้านนายไพเจนกล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางที่ชาวบ้านในพื้นที่ดำเนินการมาแล้ว ซึ่งเชื่อว่าตราบใดที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ต้องการ การจะเปลี่ยนผังเมืองก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เท่าที่รับฟังชาวบ้านก็ทราบถึงความสมบูรณ์ของจะนะ การที่ชาวบ้านมีรายได้จากทรัพยากรสัตว์ก็ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท และยังมีนกเขาชวาที่มีชื่อเสียง สร้างรายได้รายได้มหาศาล ซึ่งเป็นผลจากการร่วมมือกันฟื้นฟูทรัพยากรที่มีอยู่