คลัสเตอร์หมอลำซิ่งลาม เร่งติดตามผู้เสี่ยงสูงอีก 500 ราย ‘เลย’ ประกาศงดขายสุรา ยกเว้นเชียงคาน
เมื่อวันที่ 13 มกราคม จากรายงานของศูนย์ปฎิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธารณสุขจังหวัดเลย พบมีผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มใหญ่ ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากร้านอาหาร ในหลายพื้นที่ในจังหวัด รวมทั้งการติดเชื้อกลุ่มใหญ่จากดูหมอลำซิ่ง ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นจำนวนมาก โดยภาพรวมการติดเชื้อวันนี้ พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 43 ราย ในพื้นที่ 38 ราย นอกพื้นที่ 5 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องติดตาม 494 ราย
การติดเชื้อเป็นกลุ่มใหญ่ที่เกิดคลัสเตอร์ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นร้านอาหารประเภทดื่ม กิน เป็นร้านดังในเขตเทศบาลเมืองเลย จำนวน 3 ร้าน มีผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์นี้ไปแล้ว จำนวน 13 ราย เริ่มพบการติดเชื้อเมื่อวันที่ 8 มกราคม ส่วนร้านอาหารนอกเขตอำเภอเมืองเลย มีผู้ติดเชื้อไปแล้วรวมทั้งหมด 66 ราย พบผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม ส่วนคลัสเตอร์หมอลำซิ่ง เกิดขึ้น 2 แห่ง แห่งแรกที่บ้านห้วยเดื่อ ต.ป่วนพุ อ.หนองหิน จ.เลย พบผู้ติดเชื้อไปแล้ว 37 ราย และคลัสเตอร์หมอลำซิ่งล่าสุด เกิดที่บ้านโคกมน อ.วังสะพุง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนโรค เนื่องจากผู้มีชมหมอลำกว่า 2,000 คน และเร่งติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเกือบ 500 ราย
นายผดุงศักดิ์ หาญปรีชาสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ข้อมูลในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เริ่มจะมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสัปดาห์ก่อน มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากกว่า 3.5 เท่า ทำให้เกิดตัวเลขผู้ติดเชื้อสองหลักเริ่มเกิดขึ้น หากดูตัวเลขที่มีการติดเชื้อ ในทุกเคสที่มีการวิเคราะห์เกิดจากคนใกล้ชิดในครอบครัว เพราะเดินทางกลับเข้ามาจากพื้นที่เสี่ยงหรือต่างจังหวัด ประกอบกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ความไม่ระมัดระวังตัว การไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้วางไว้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จังหวัดเลยมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นทุกอำเภอที่เกิดขึ้นโดยส่วนใหญ่มีสารตั้งต้นเกิดจากญาติ พี่ น้อง ที่เดินทางกลับเข้ามาในจังหวัดเลยในช่วงปีใหม่ แล้วไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการที่จังหวัดได้กำหนดไว้ เช่น การรายงานตัว หรือตรวจ ATK ก่อนที่จะเดินทางเข้ามา จึงทำให้เกิดการติดเชื้อ
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในคราวนี้ มาจากการรวมกลุ่มของประชาชน หรือความใกล้ชิดส่วนหนึ่งที่มาจากการดื่มสุรา ในส่วนของร้านค้าที่มีการจำหน่ายสุรา หรือให้บริการการดื่ม วันนี้ทางจังหวัดเลยมีเพียงเฉพาะพื้นที่เขตอำเภอเชียงคานที่ได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ และสามารถดื่มได้ถึงเวลา 21.00 น. เท่านั้น มีผลบังคับใช้เพราะเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้กำหนดในเขตพื้นที่อำเภออื่นๆ ไม่สามารถที่จะให้บริการได้
