หนุ่มแจ้งเหตุ ถูกคนร้ายถีบรถล้มชิงเงิน 4 แสน ที่แท้กุเรื่อง แอบเอาไปใช้เอง

หนุ่มแจ้งเหตุ ถูกคนร้ายถีบรถล้มชิงเงิน 4 แสน ที่แท้กุเรื่อง แอบเอาไปใช้เอง

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 27 มกราคม ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้รับแจ้งเหตุด่วนเข้ามาทางหมายเลขโทรศัพท์ 191 ว่ามีประชาชนถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมาระยะกระชันชิด ก่อนที่จะถีบรถของผู้เสียหาย จนเสียหลักตกลงไปข้างทาง แล้วชิงเงินสด 400,000 บาท หลบหนีไป เหตุเกิดขึ้นบนถนนสายลำปาง-อ.แม่ทะ เลยมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เขตบ้านกล้วยแพะ หมู่ 2 ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร อ.เมือง นำโดย พ.ต.ท.วรเชษฐ สกิจกัน รองผู้กำกับการ สภ.เขลางค์นคร พร้อมด้วยชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบว่าบริเวณจุดที่ผู้เสียหายยืนอยู่ท่ามกลางความมืด บนเส้นทางเปลี่ยว ใกล้เข้าเขตบ้านจว๊าก ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง โดยเจ้าหน้าที่พบผู้เสียหายเป็นชายและหญิง ทรายชื่อนายอนุภพ อายุ 23 ปี ชาว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และแฟนสาว อายุ 30 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ โดยจุดเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ขจจ 884 ลำปาง ล้มอยู่ข้างทาง

โดยทั้งสองคนให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ จุดเกิดเหตุ ว่า ขณะขี่รถจักรยานยนต์มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามมาประกบ และใช้เท้าถีบรถของตนเองที่กำลังขี่มาพร้อมแฟนสาว ตกล้มลงข้างทาง จากนั้นคนร้ายก็ได้ชิงเงินสดกว่า 400,000 บาท ที่นายอนุภพเพิ่งไปเบิกจากธนาคารมาในวันนี้ หลบหนีไป ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้พกติดตัวไว้ เพื่อจะนำไปจ่ายค่าซื้อที่ดินให้ญาติ แต่ก็มาถูกก่อเหตุดังกล่าวเสียก่อน

Advertisement

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มสอบสวนสืบสวนทันที เพื่อหวังติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยได้สอบสวนผู้เสียหายซึ่งได้เชิญไปสอบสวนที่ สภ.เขลางค์นคร แต่ปรากฏว่าพบข้อพิรุธหลายอย่าง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่ารถจักรยานยนต์ที่ถูกถีบล้ม ก็ไม่มีร่องรอยของความเสียหาย ส่วนผู้เสียหายทั้ง 2 คน ก็ไม่มีบาดแผล หรือไม่ได้รับบาดเจ็บใดเลย ที่สำคัญเมื่อทำการสอบสวนแยกกันคนละห้อง กลับให้การไม่ตรงกันอีก

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนทั้ง 2 คน อยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง สุดท้ายก็เผยความจริงออกมาว่ากุเรื่องขึ้นมาเอง เพื่อหวังสร้างสถานการณ์ ไม่มีคนร้ายตามชิงเงิน หรือก่อเหตุถีบรถจักรยานยนต์ของตนเอง ส่วนเงินที่มีอยู่จำนวนกว่า 400,000 บาท นั้นมีจริง แต่เอาไปใช้แล้ว และกลัวว่าทางบ้านจะทราบเรื่อง จึงกุเรื่องขึ้นมา อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบความจริง จึงได้นำตัวทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์นคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ก่อนนำตัวเข้าห้องขัง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image