เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลบ้านเพ อ.เมืองระยอง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ เดินทางมาประชุมและตรวจราชการเพื่อพิจารณาการดำเนินงานของนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหากรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลระยอง รวมทั้งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.ระยอง และเกาะเสม็ด
โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วย 4 องค์กรภาคธุรกิจท่องเที่ยวของ จ.ระยอง ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ระยอง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.ระยอง สมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด และชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร จ.ระยอง ร่วมประชุม
นายจิรายุกล่าวว่า การเดินทางมาวันนี้เพื่อรับฟังความคิดเห็นภาคธุรกิจท่องเที่ยว ภาคผู้ประกอบการร้านอาหาร และตรวจสอบถึงผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วกลางทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลี่ยม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ที่มีต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเลทั้งบนฝั่งและบนเกาะเสม็ด ก่อนนำเรื่องไปเสนอรัฐบาล เพื่อหาวิธีการแก้ไขในทุกมิติเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม นอกจากนี้ จะมีการเสนอให้สนับสนุนงบประมาณด้านการท่องเที่ยว และพัฒนา จ.ระยองเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่นายโสภณกล่าวว่า ความเสียหายต่อระบบนิเวศใต้ทะเล ทั้งปะการัง หญ้าทะเล รวมถึงสัตว์น้ำในเบื้องต้นยังไม่พบ แต่ในระยะยาว 2-3 ปี สารเคมี Dispersant ที่ใช้สลายคราบน้ำมันตกใต้ท้องทะเล คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของปะการังและสัตว์น้ำจะปรากฏให้เห็นเรื่อยๆ ต้องมีการเก็บข้อมูล ซึ่งหากพบกระทบต่อระบบนิเวศก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับบรรยากาศของหาดแม่รำพึงในวันนี้ซึ่งเป็นวันหยุด ปรากฏว่าลานหินขาวยาวไปตลอดแนวจนถึงก้นอ่าวเริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกันหนาตากว่าทุกวัน
ด้านนายสุรินทร์ สินรัตน์ ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จ.ระยอง ได้ยื่นหนังสือซึ่งเป็นข้อเรียกร้องภาคประชาชน กรณี SPRC ทำน้ำมันดิบรั่วในทะเลระยอง วันที่ 25 ม.ค.65 จำนวน 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.เร่งรัดสอบสวนสาเหตุของการรั่วไหลในคืนวันที่ 25 มกราคม 2565 จำนวนที่แน่นอนและแถลงให้ประชาชนทราบ 2.เร่งรัดสอบสวนเอาผิดกับผู้ที่กระทำให้เกิดการรั่วไหลซ้ำ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ให้เป็นตามกฏหมายแพ่งและอาญา 3.เร่งรัดการชดเชยให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ได้รับผลกระทบโดยยึดคำพิพากษาศาลอุธรณ์ภาค 2 เป็นบรรทัดฐาน จ่ายก่อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน 4.บังคับให้ SPRC ตั้งมูลนิธิฟื้นฟูทะเลระยอง โดยมีกรรมการบริหารแบบมีส่วนร่วม และ 5.บังคับให้มีการยกท่อส่งสินค้าใต้ทะเลและใต้ดินขึ้นบนบกทั้งหมด เพื่อป้องกันกับปัญหาเกิดซ้ำในอนาคต
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 17.30 น.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านเรือเล็กกลุ่มบางกะเฌอ ต.ตะพง อ.เมืองระยอง พบคราบน้ำมันเป็นเม็ดเล็กๆ สีดำเกลื่อนบริเวณชายหาดแม่รำพึง ใกล้กับศูนย์วิจัยประมงฯ บ้านปากคั่น โดยเก็บเม็ดสีดำเล็กๆ ใส่ลงบนแผ่นโฟมสีขาวรองพื้น ใช้ไม้บี้ก้อนดำแตกจะมีความเหนียว มีกลิ่นน้ำมัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารเรือกว่า 20 นาย กำลังเก็บกวาดก้อนน้ำมันอยู่ในขณะนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
