ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่บริเวณถนน อต.ถ. 68-001 สายผามูบ-บ่อแก้ว หมู่ที่ 7 ตำบลแม่พูล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ นางสมเด็จ ใจทา อายุ 60 ปี ชาวตำบลแม่พูล พร้อมด้วยเกษตรกรชาวสวนผู้ปลูกทุเรียน ลางสาด ลองกอง จำนวนเกือบ 1,000 คน นำกรวด หิน ทราย ปูน ใส่รถยนต์กระบะและรถมอเตอร์ไซค์รวมกว่า 200 คัน พร้อมรถบรรทุกน้ำจำนวนหนึ่งขึ้นดอยผามูบ ช่วยกันผสมกรวดทรายและปูนเข้ากัน แล้วฉาบซ่อมแซมผิวถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก(คสล.) ที่มีขนาดความกว้าง 6 เมตร ในแต่ละจุดแต่ละช่วงระยะทางยาวประมาณ 22 กิโลเมตร ที่ได้รับความเสียหายจากฝนตกและน้ำกัดเซาะพื้นผิวถนน ทำให้ผิวถนนผุพังเป็นหลุมเป็นบ่อ จนเหล็กเส้นด้านในโผล่ออกมาให้เห็น ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนชาวสวนได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง และสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวสวนในการขนส่งผลไม้ออกสู่ตลาดเป็นอย่างมาก
โดยทั้งแรงกระแทกระหว่างการขนส่ง ส่งผลให้รถเกิดตกหลุมตกร่องทำให้ผลไม้ที่บรรทุกมารับความเสียหายขายไม่ได้ราคา ที่เสียหายหนักมากสุดคือ รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ใช้ในการขนส่ง ถูกเหล็กเส้นที่โผล่ออกมา ทิ่มแทงเข้าที่บริเวณล้อรถหน้าและหลังทำให้ยางรถรั่วรถพลิกคว่ำชาวสวนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล การขนส่งออกสู่ตลาดไม่ได้สร้างผลเสียต่อชาวสวนอย่างมากมาย ทั้งในด้านทรัพย์สินและเงินทอง
ขณะที่ถนนสายผามูบ-บ่อแก้ว ได้รับงบประมาณก่อสร้างจากรัฐบาล หลังชาวบ้านรับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่ม เมืองลับแล เมื่อปี พ.ศ.2549 ก่อสร้างเพื่อให้เกษตรกรชาวสวนได้ใช้ถนนสายดังกล่าว ขนพืชผลทางการเกษตร ประกอบด้วยผลไม้ทุเรียนพันธุ์หลง-หลินลับแล หมอนทอง ลางสาด ลองกอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพืชทางเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับชาวสวนอำเภอลับแลปีละกว่า 2,000 ล้านบาท และยังสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดอุตรดิตถ์อีกด้วย มีพื้นที่ปลูกกว่า 40,000 ไร่ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1 ตันต่อไร่
นางสมเด็จ กล่าวว่า ถนนสายนี้ผุพังมาเป็นเวลามานานกว่า 4 ปีแล้ว ไม่มีหน่วยงานใดให้ความสนใจเข้ามาซ่อมแซมปรับปรุงให้กับชาวบ้าน ทั้งที่ร้องไปหลายหน่วยงานตั้งแต่ อบต. อำเภอและจังหวัด แต่เรื่องก็เงียบหายไป ชาวบ้านทุกคนสุดทนต่อการเหลียวแล จึงลงขันรวบรวมเงินบริจาคจากชาวสวนด้วยกัน 500 คน ได้เงินกว่า 500,000 บาท ซื้อกรวด หิน ปูน และทราย ใช้รถบรรทุกขนไปบนดอย ผสมปูนซ่อมแซมผิวถนนกันเองใช้แรงงานชาวสวนด้วยกันฟรี โดยไม่ใช้งบจากภาครัฐ และจำเป็นต้องรีบซ่อมแซมให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนจะมาถึง เพื่อขนทุเรียนพันธุ์หลง-หลินลับแล และพันธุ์หมอนทองที่กำลังจะออกผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นล็อตแรก และในล็อตที่ 2 เดือนกันยายน ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูฝนเช่นกัน หากไม่เร่งรีบทำกันในช่วงนี้ ชาวสวนก็จะลำบากต่อการขนส่งผลไม้ออกสู่ตลาดเหมือนเดิม
นางสมเด็จ กล่าวว่า อยากวิงวอนร้องไปยัง นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ หันมามองปัญหาชาวสวนผลไม้อำเภอลับแลบ้าง อยากให้ลงพื้นที่ดูปัญหาความทุกข์ร้อนพร้อมแก้ปัญหาให้ชาวสวนทุเรียนด้วย
ด้าน นายจรูญ ปัญญายงค์ นายก อบต.แม่พูล กล่าวว่า ทางสภาได้ผ่านงบประมาณ จำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อซ่อมแซมถนนสายผามูบ-บ่อแก้ว ให้กับชาวบ้านแล้ว เพราะทนเห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านไม่ได้ แต่เรื่องมาติดขัดที่ทางอำเภอลับแลและป่าไม้ท้วงติงว่า เป็นพื้นที่ป่าไม้ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงชี้แจงให้ชาวสวนลับแลทราบ แต่ก็ยังถูกต่อว่าจากชาวบ้าน พื้นที่แห่งนี้ปลูกผลไม้มาตั้งแต่บรรพบุรุษนับเวลากว่า 100 ปี ถนนที่ก่อสร้างก็ได้รับการจัดสรรจากภาครัฐหลังดินโคลนถล่มเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง
นายจรูญ กล่าวว่า ตอนนี้ถนนพังและได้รับความเสียหายแทบใช้การอะไรไม่ได้เลย ชาวบ้านเดือดร้อน แค่นำงบประมาณมาซ่อมแซมให้กับชาวบ้าน มันเป็นปัญหาตรงไหน แล้วถนนที่ก่อสร้างเข้าอุทยานเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ไปรบกวนช้างและธรรมชาติในป่าทำไมทำได้ พื้นที่แม่พูล อำเภอลับแล แค่ซ่อมแซมผิวถนนเพื่อนำผลผลิตของชาวสวนที่สร้างชื่อเสียงให้อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรทำไมจึงทำไม่ได้ ได้แต่หวังให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์รับทราบปัญหาและลงมาดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเอง
