จากกรณีเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เครือข่ายชมรม STRONG ภาคใต้ ระบุว่าพบความผิดปกติกรณีการเก็บเงินค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บริเวณทะเลแหวก จ.กระบี่ มีการเก็บเงินจำหน่ายตั๋วค่าเข้าอุทยานฯ แต่กลับให้มีการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวเจ้าหน้าที่แทนการเก็บเงินสด นอกจากนี้ บริเวณลานจอดรถยังมีการพยายามเรียกเก็บเงินเพื่อดูแลรถนักท่องเที่ยวที่มาจอด ทั้งๆ ที่มีการจ้าง หรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่แล้ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายปราโมทย์ แก้วนาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ได้ชี้แจงต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชแล้ว ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นได้ตรวจสอบแล้วพบว่าวันดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวชาวไทย จำนวน 7 คน เช่าเหมาเรือหางยาวเดินทางไปท่องเที่ยวที่ ทะเลแหวก ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เมื่อขึ้นฝั่ง เจ้าหน้าที่ฉีกบัตรเก็บค่าธรรมเนียมค่าเข้าอุทยานฯคนละ 40 บาท รวม 280 บาท และค่าเรือหางยาวนำเที่ยว 20 บาท รวม 300 บาท แต่นักท่องเที่ยวอ้างว่าทุกคนไม่พกเงินสดติดตัวมา ขอโอนเข้าบัญชีอุทยานฯได้หรือไม่
นายปราโมทย์กล่าวว่า แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่ทราบหมายเลขบัญชีอุทยานฯ และเกรงว่าจะยุงยาก หลังจากมีการส่งเงินค่าจัดเก็บเข้าอุทยานฯช่วงเย็นของทุกวัน เนื่องจากจำนวนตั๋วที่เบิกไปกับจำนวนเงินที่เก็บได้ ต้องครบตามจำนวน จึงให้โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และนำเงินมาส่งอุทยานฯครบตามจำนวนที่เบิกตั๋วไป
นายปราโมทย์กล่าวต่อว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่มาอย่างต่อเนื่องกรณีการเก็บค่าธรรมเนียมต้องเก็บเป็นเงินสด ห้ามโอนเข้าบัญชีส่วนตัว เนื่องจากขณะนี้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่เรียบร้อย ส่วนกรณีการจอดรถในที่จอดรถของอุทยานฯ พบว่ารถคัดดังกล่าวได้จอดไว้เป็นเวลา 2 คืน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าเป็นรถของใคร เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงได้ให้ทิปเจ้าหน้าที่ที่เฝ้ารถ 100 บาท ก่อนกลับออกไป อย่างไรก็ตาม จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสอบข้อเท็จว่ามีความเป็นมาอย่างไร พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ส่อไปทางทุจริตหรือไม่ หรือ มีการวางแผนไว้ก่อน เพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
