ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 กุมภาพันธ์ สถานการณ์ภัยแล้งหลายพื้นที่ของจังหวัดพิจิตร วิกฤตหนักหลังจากที่แหล่งน้ำธรรมชาติหลายแห่งแห้งขอด ไม่มีน้ำกักเก็บ โดยเฉพาะบึงสีไฟ บึงน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ เนื้อที่กว่า 5,200 ไร่ แทบจะไม่มีน้ำหลงเหลือกักเก็บอยู่เลย โดยบึงสีไฟได้เกิดน้ำแห้งขอดขั้นวิกฤตหนักในรอบ 40 ปี ที่ไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน ซึ่งส่งผลกระทบให้พันธุ์บัวนานาชนิด เช่น พันธุ์บัวหลวง บัวแดง บัวสาย บัวกระด้ง ฯลฯ ที่อยู่ภายบริเวณอุทยานบัวบึงสีไฟ ต้นบัวต่างๆ แห้งเหี่ยวเฉายืนต้นตาย เนื่องจากขาดน้ำหล่อเลี้ยง ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวต่างผิดหวังที่เดินทางมาท่องเที่ยวชมบึงสีไฟ
นอกจากผิดหวังจากบึงไม่มีน้ำ ไม่มีพันธุ์ปลาให้ชมแล้วยังไม่มีพันธุ์บัวนานาชนิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงาม และศึกษาพันธุ์บัวอีกด้วย ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดพิจิตร ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เนื่องจากน้ำต้นทุนจากเขื่อนต่างๆ ที่เคยส่งน้ำมารักษาระบบนิเวศน์ภายในบึงสีไฟนั้นในปีนี้ ไม่สามารถส่งน้ำมาได้ จึงทำให้ระบบนิเวศน์ภายในบึงสีไฟได้รับผลกระทบเสียหาย
ทางด้าน นายสมยศ แสงมณี ชลประทานจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า จากสภาวะภัยแล้ง เกิดวิกฤติหนัก เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้ง ห้วยหนองคลองบึงแห้งขอด โดยเฉพาะบึงสีไฟบึงขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ น้ำแห้งขอด ดินแตกแยกระแหงถึงแม้ว่าทางจังหวัดจะขอน้ำมาเติมใส่บึงสีไฟแต่ไม่สามารถนำน้ำมาใส่ได้เนื่องจากน้ำชลประทานไม่มี อีกทั้งน้ำในเขื่อนหลักมีน้อยต้องใช้เฉพาะความจำเป็นเท่านั้น เพราะน้ำในเขื่อนจะต้องเก็บไว้เพื่ออุปโภคบริโภค
สิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้ เกษตรกรชาวนา ในเขตชลประทาน ที่ยังดื้อดึงทำนากัน มีอยู่กว่า 6 หมื่นไร่ และชาวนานอกเขตชลประทานที่ทำนา มีอยู่กว่า 1 แสนไร่ ที่ใช้น้ำบ่อใต้ดิน ซึ่งตรงนี้น่าเป็นห่วงหากน้ำในบ่อใต้ดินไม่มี ข้าวที่ชาวนาทำไว้อาจจะล้มตายได้รับความเสียหายได้เพราะน้ำไม่เพียงพอ
