มท.1 ไฟเขียว สั่งการผู้ว่าฯสงขลาหาตัวผู้กระทำความผิดบุกรุกโบราณสถานเขาแดง ลงโทษยกก๊วน ดึง ป.ป.ช.สงขลาเข้าร่วมทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ หากละเว้นปฏิบัติ-เอื้อประโยชน์ให้เกิดการบุกรุก พร้อมดำเนินการทันที คาดสัปดาห์นี้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มอีก
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการคลี่คลายคดี การบุกรุกโบราณสถานเขาแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา โดยพนักงานสอบสวน สภ.สิงหนคร อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอศาลจังหวัดสงขลาขอออกหมายจับกลุ่มผู้บุกรุกขุดถางตัดถนนบริเวณป้อมเมืองเก่า หมายเลข 9 อย่างน้อย 1 ราย ในสัปดาห์นี้ หลังจากจับกุมผู้บุกรุกในจุดที่ 1 บริเวณหัวเขาแดงไปแล้ว 1 ราย
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ได้รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับทราบ ซึ่งได้มีข้อสั่งการให้ตนได้อำนวยการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่ตัวเองอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะตำรวจให้ดำเนินการตามพยานหลักฐาน หากพบผู้กระทำความผิดให้ดำเนินคดีตามมาตรฐานเดียวกันทุกราย ทั้งนี้ ได้เชิญสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดสงขลา เข้ามาร่วมในการตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น หากพบว่าส่วนราชการใดที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้บุกรุก ก็จะมีการตรวจสอบหน่วยงานนั้นๆ ตามขั้นตอนต่อไป
เมื่อถามถึงผลกระทบต่อการเสนอให้พื้นที่โบราณสถานเขาแดงเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกร่วมกับเมืองเก่าสงขลา ผู้ว่าฯสงขลาระบุว่า ขณะนี้ขั้นตอนการเสนอให้เมืองเก่าสงขลาเป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งมีพื้นที่ของย่านเมืองเก่าสงขลาและโบราณสถานเขาแดงเดินหน้าไปไกลแล้ว ซึ่งการบุกรุกโบราณสถานเขาแดงเป็นการกระทำของผู้ไม่หวังดี
ด้าน พ.ต.อ.เสวี วุ่นหนู ผกก.สภ.สิงหนคร กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการเร่งสรุปสำนวนคดีบุกรุกโบราณสถานทั้ง 3 คดี โดยเฉพาะในคดีที่ 2 ด้านหลังป้อม 9 บนภูเขาน้อย ที่มีมีการบุกรุก ขุดเขาทำถนนประมาณ 200 เมตร ซึ่งได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก ในทางการสืบสวนนั้น ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว แต่การดำเนินการจะเน้นเรื่องพยานหลักฐานเป็นหลัก จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุมเพื่อเสนอศาลจังหวัดสงขลาพิจารณาออกหมายจับต่อไป ซึ่งในภาพรวมถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก
สำหรับ โบราณสถานเขาแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่โบราณสถานทั้งหมด 2,460 ไร่ ประสบปัญหาการบุกรุกมานาน โดยกระจายอยู่หลายจุด ทั้งการบุกรุกพื้นที่บนเขา พื้นราบด้านล่าง ที่มีทั้งบ้านเรือนประชาชน การนำที่ดินของรัฐไปแบ่งขาย การทำบ่อดินลูกรัง ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาตรวจสอบดำเนินการ กระทั่งเจ้าหน้าที่ศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังพบการบุกรุกร้ายแรงจนเขาเสียหายเป็นแนวยาว
