วันที่ 17 ตุลาคม 2559 ย้อนอดีตปี 2501 “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” เสด็จพระราชดำเนินทอดกฐินพระราชทานแด่วัดอัมพวันเจติยาราม ขณะที่เจ้าอาวาสเปิดใจเมื่อครั้งตนดำรงตำแหน่งรองเจ้าอาวาส รู้สึกตื้นตันใจที่ได้มีโอกาสเข้ารับเสด็จในฐานะพระคู่สวดครั้งนั้น พระราชสมุทรรังสี เจ้าอาวาสวัดอัมพวันเจติยาราม ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ตั้งอยู่ใน ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ทรงเคยเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคจากจังหวัดราชบุรี ล่องมาทางแม่น้ำแม่กลองมาขึ้นถึงท่าน้ำวัดอัมพวันเจติยาราม เวลาประมาณ 13.00 น. มาทอดผ้าพระกฐินพระราชทานที่วัดอัมพวันเจติยาราม เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2501 พร้อมปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จตลอดทางที่ทรงพระราชดำเนินจากท่าน้ำจนถึงพระอุโบสถกันเป็นจำนวนมาก เมื่อทรงถึงพระอุโบสถพระองค์ทรงถวายผ้าพระกฐินให้กับอาตมาซึ่งขนาดนั้นเป็นรองเจ้าอาวาสวัดอัมพวันเจติยาราม ซึ่งอาตมาก็ได้ประชุมสงฆ์เพื่อถวายแด่พระราชสมุทรเมธี อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวันในขณะนั้น
จากนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินไปปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ซึ่งพระราชสมุทรเมธี อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ได้หน่อพันธุ์มาจากประเทศอินเดียเมื่อปี 2500 ผ่านการสวดชัยมงคลคาถา และนำกลับมาเก็บรักษาในพระอุโบสถอยู่ 3 เดือน จนทราบข่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” จะเสด็จฯมาถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่วัดอัมพวันเจติยารามอดีตเจ้าอาวาสดีใจมาก จึงถือฤกษ์ถวายแด่พระองค์ทรงปลูก ซึ่งในขณะนี้ต้นศรีมหาโพธิ์ต้นดังกล่าวมีอายุถึง 58 ปี เมื่อทรงปลูกแล้วก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อดีตเจ้าอาวาสปั๊มดินเป็นแว่นๆ ให้ประชาชนร่วมปลูกด้วยการนำดินไปวางที่กระถางจะมีเจ้าหน้าที่รับไปใส่ต้นศรีมหาโพธิ์ เมื่อทรงเสร็จพระราชกรณียกิจที่วัดอัมพวันเจติยาราม พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปขึ้นที่ท่าเรือแสงวณิช ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม และเสด็จฯกลับทางรถยนต์พระที่นั่ง
พระราชสมุทรรังสีกล่าวว่า พระราชสมุทรเมธี อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวันได้เล่าให้อาตมาฟังว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ได้ทรงตรัสว่า “หากมีอะไรก็เขียนส่งไป” แต่อดีตเจ้าอาวาสก็ไม่เคยส่งไปรบกวนพระองค์
นอกจากนี้ พระราชสมุทรรังสีกล่าวถึงความรู้สึกในขณะอยู่ในพระอุโบสถว่า อาตมารู้สึกดีใจและตื้นตันใจอย่างมากที่ได้มีโอกาสเข้ารับเสด็จ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” อีกทั้งอาตมาเป็นพระคู่สวดรับผ้าพระกฐินพระราชทานจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อสำนักพระราชวังประกาศคำว่า “สวรรคต” อาตมาใจหายเพราะคำนี้ไม่มีใครใช้นอกจากพระเจ้าแผ่นดิน จึงฟังข่าวสารจนทราบข่าวว่าพระองค์สวรรคต อาตมาก็รู้สึกเศร้าใจและเสียใจยิ่งนักที่ต้องสูญเสียพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม แต่ก็มีความรู้สึกตื้นตันที่คนไทยทั้งชาติหลั่งน้ำตาให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ อาตมารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงมีความห่วงใยพสกนิกรชาวไทย ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
