อธิบดีกรมธนารักษ์-ผบ.พล.พัฒนา 1 ตรวจสอบที่ดินธรรมสถานวิโมกสิวาลัย บุกรุกที่ราชพัสดุ

อธิบดีกรมธนารักษ์-ผบ.พล.พัฒนา 1 ตรวจสอบที่ดินธรรมสถานวิโมกสิวาลัย บุกรุกที่ราชพัสดุ

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ พล.ต.มนิต ศิริรัตนากูล ผู้บัญชากองพลพัฒนาที่ 1 นายเตชสิทธิ์ สมประดี ปลัดอาวุโส อ.สวนผึ้ง เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)ราชบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินภายในธรรมสถานวิโมกสิวาลัย หรือ มูลนิธิชยันโตโพธิธรรม รังษี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี กรณีบุกรุกที่ดินที่ราชพัสดุ โดยมีพระอาจารย์โย ปุญวังโส พระดูแลสถานปฏิบัติธรรมวิโมกสิวาลัย ให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลรายละเอียดพื้นที่

นายประภาศ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าไปตรวจสอบที่ดินดังกล่าวว่า จริงๆ แล้วอยากจะเข้าไปดูพื้นที่จริงก่อนว่าเนื้อที่จริงเป็นอย่างไร จำนวนเท่าไหร่ ตนมาในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบ รวมทั้งผู้แทนจากกองทัพบกในฐานะดูแลร่วมกัน จากข้อมูลตามที่เป็นข่าว มีเนื้อที่ 70 ไร่ เบื้องต้นได้รับข้อมูลมาที่ชัดเจนคือเนื้อที่ 38 ไร่ ถ้าข้อเท็จจริงพบว่ายังไม่มีการขอจัดตั้งโดยถูกต้อง ขอตอบในแง่กฎหมายที่ไม่เจตนากระทบบุคคลใด ถือว่าเป็นความผิดเรื่องการบุกรุกที่ดินราชพัสดุ

Advertisement

โดยกฎหมายที่ราชพัสดุ กำหนดเรื่องสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย มี 2 ทาง คือ 1. ขอใช้โดยส่วนราชการ และ 2.ส่วนของการเช่าหรือการจัดหาประโยชน์ ซึ่งจะได้รับสัญญาเช่าจากกรมธนารักษ์

ส่วนนโยบายตามโครงการธนารักษ์ประชารักษ์ จะมุ่งให้ที่ทำกินกับประชาชนหรือที่อยู่อาศัยแก่ประชาชนที่เดือดร้อน แต่กรณีนี้ไม่เข้าโครงการธนารักษ์ประชารักษ์ได้ เพราะไม่เข้าเงื่อนไข

Advertisement

เท่าที่ทราบเบื้องต้นยังไม่มีหนังสือ แต่จะมีพศจ.ราชบุรีทำหนังสือถึงธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีเพื่อมาสำรวจว่าจะขอใช้ ถ้ามีสถานะเป็นวัด พศจ.สามารถขอใช้กับส่วนราชการได้ แต่ต้องมีสถานะเป็นวัดตามกฎหมาย ส่วนที่พักสงฆ์ ไม่มีสถานะเป็นวัด เท่าที่ทราบที่นี่ก็ติดเงื่อนไขตรงที่ว่าไม่สามารถยกฐานะเป็นวัดได้ เนื่องจากวัดจะต้องอยู่ห่างจากวัดอื่นประมาณ 5 กิโลเมตร และปรากฏว่าสถานที่แห่งนี้ห่างจากวัดไม่ถึง 5 กม.

“ทราบจากพศจ.ราชบุรี เมื่อไม่สามารถเป็นวัดได้ ก็ไม่สามารถจะใช้ได้ และก็มีการยกเลิกแล้วและไม่ขอใช้แล้ว โดยมีระเบียบอยู่ 2 ส่วน คือ ของกรมธนารักษ์ และกระทรวงกลาโหม ต้องดูระเบียบกระทรวงกลาโหมด้วย เท่าที่ทราบเบื้องต้นก็จะมีปัญหาตรงระเบียบกระทรวงกลาโหมที่ว่าก่อสร้างไปก่อน ก็ไม่สามารถอนุญาตได้ กรณีที่ดินแห่งนี้ทางกลาโหมเป็นผู้ใช้ประโยชน์และกรมธนารักษ์ในฐานะผู้ถือกรรมสิทธิ์ ถือว่าทั้ง 2 หน่วยต้องรับผิดชอบร่วมกัน เมื่อระเบียบของกลาโหมไม่สามารถเปิดช่องได้ ดังนั้นก็ไม่สามารถเปิดช่องได้ แต่ก็ต้องดูว่าจะแก้ไขอย่างไรกันต่อไป อย่างไร ทางกระทรวงกลาโหมกับกรมธนารักษ์ต้องหารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องและเป็นที่ยอมรับกับทุกฝ่าย” นายประภาศ กล่าว

นายประภาศ กล่าวต่อว่า กรณีผิดเงื่อนไข จะต้องรื้อหรือไม่นั้น ต้องไปดูรายละเอียดในข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน หากตอบฟันธงว่าต้องรื้อที่นี่ ก็ไม่เป็นธรรม จะต้องดูรายละเอียดว่าอยู่ในวิสัยที่ต้องรื้อหรือไม่ มีทางออกอย่างอื่นที่ชอบด้วยกฎหมายหรือทำได้หรือไม่ ในส่วนของทางแพ่ง คือ เรียกค่าเสียหายสามารถให้เช่าได้ ก็เรียกค่าเสียหายส่วนที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างและทำสัญญาเช่าต่อไปข้างหน้า แต่ในส่วนของอาญา จะดำเนินการอาญาอย่างไร ก็ต้องมาดูว่าขั้นตอนต่อไปถึงขนาดที่ต้องดำเนินคดีอาญาหรือไม่ มีเจตนาหรือองค์ประกอบของคดีอาญาหรือไม่

ถ้าถึงต้องขั้นดำเนินคดีก็ต้องว่ากันตามป.วิ อาญาฯ คือ ใครเป็นผู้เสียหาย ถ้ามองในแง่อาญาก็ผิดทั้ง 2 หน่วย ธนารักษ์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ส่วนกระทรวงกลาโหม กองทัพบกมีฐานะเป็นผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา สำนักสงฆ์หรือ ผู้ประกอบการถ้าเข้ามาใช้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้เช่าให้ถูกต้อง ก็ถือว่าไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วน ภบท. 5 คือ เอกสารไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ คือ หลักฐานการชำระภาษีและที่ดิน ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ จะต้องดูว่ารายละเอียดว่าซื้อมาจากใคร ซื้อมาจากใคร และผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์หรือไม่ แต่ขณะนี้เรารู้สถานะแน่นอนแล้วว่ามันคือที่ดินราชพัสดุที่หลวง ซื้อขายไม่ได้ ตามกฎหมายผู้ขายต้องมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่จะขาย จะซื้อขายกันก็จะเป็นโมฆะ ส่วนรายละเอียดคงต้องตรวจสอบอีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image