รักษาการเจ้าอาวาส ยืนยัน เงินในกุฏิหลวงพ่อเย็น มีแค่10 ล้าน ไม่น่าจะถึง 40ล้าน ตามที่ลือกัน
จากกรณีภายหลัง หลวงพ่อเย็น หรือพระครูสีตะจิตธรรมคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าทรงธรรม ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มรณภาพและทางคณะกรรมการได้เข้าตรวจสอบทรัพย์สินภายในกุฏีหลวงพ่อ พบว่ามีเงินสดใส่ถุงและวางไว้ตามที่ต่างๆ ในห้องมากกว่า 10 ล้านบาท
ล่าสุด พระครูโสภณธรรมวินิจ รักษาการเจ้าอาวาส เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบเงินแค่ 10,661,150 บาท ซึ่งทางคณะกรรมการได้นำไปฝากธนาคารแล้ว ส่วนที่มีคนบอกว่าน่าจะมีเงินมากถึง 40 ล้านนั้น ไม่น่าเป็นไปได้เพราะจากการตรวจสอบเมื่อวาน (21 มี.ค.) ได้เงินมาอีกเพียง 7 หมื่นกว่าบาท ข้าวของที่พบในวันนี้กับเมื่อวานส่วนใหญ่เป็นสังฆทานซึ่งก็เสียหายใช้ไม่ได้ ส่วนเรื่องการดำเนินการนั้น ทางพระผู้ใหญ่จะส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลช่วยเหลือ สำหรับเงินที่พบตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะเอาไปทำอะไร
ขณะที่นายณัฐคม โตภัทรกุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ท่าตูม เปิดเผยว่า เรื่องที่มีการพูดกันว่ามีเงินมากถึง 40 ล้านบาท บางคนยังบอกด้วยว่ามีการเข้าไปงัดแงะเพื่อขโมยทรัพย์สินเงินทอง เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้เพราะวันแรกที่เข้าไป มีทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ รวมทั้งพิสูจน์หลักฐาน เข้าไปเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ทั้งนี้ รวมถึงผู้ที่รักษาการเจ้าอาวาสแต่งตั้งเข้าไปตรวจสอบ ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้โดยพลการ
นายณัฐคมยังกล่าวว่า ส่วนเรื่องเงินที่หลายคนคิดว่าน่าจะเป็นของใครนั้น ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นของวัด ในขณะที่มีคนพยายามปั่นกระแสเกิดความวุ่นวาย ในส่วนตัวเองนั้น ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งในขณะนี้ก็พบว่ามีเงินได้มาเพิ่มจากตู้บริจาคเพียง 7 หมื่นเศษ ส่วนเรื่องการนำเงินออกไปใช้นั้น ทั้งนี้อยู่ที่ท่านรักษาการเจ้าอาวาสกับคณะกรรมการวัดจะเป็นผู้พิจารณาดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม เรื่องจำนวนเงินดังกล่าวที่หลายคนกังวลว่าจะตกเป็นของใครเพราะทางหลวงพ่อเย็นท่านยังมีพี่น้องร่วมบิดามารดาอีก 5 คน และหลานๆ ที่ทุกคนอาจมีสิทธิได้ในทรัพย์สินในฐานะทายาทนั้น
นางสาววารินทร์ สิกขชาติ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปราจีนบุรี ให้สัมภาษณ์กรณีเรื่องทายาทที่จะได้รับทรัพย์สินของหลวงพ่อเย็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ ปราจีนบุรี (ธรรมยุต) ที่จะดำเนินการเอง ทาง สำนักพุทธฯไม่ได้เข้าไปก้าวล่วง
แต่ให้ข้อสังเกตว่า หากพระภิกษุมรณภาพในขณะที่ยังดำรงสมณเพศ ทรัพย์สินที่พบต้องตกเป็นของวัด แต่ถ้าหากพระภิกษุได้ทำพินัยกรรมไว้ให้ใครบุคคลผู้นั้นจึงจะมีสิทธิรับ กรณีของหลวงพ่อเย็นนั้น ทรัพย์อื่นๆ รวมทั้งเงินสดที่พบต้องตกเป็นของวัดเท่านั้น
