ประสานสถานทูตแล้ว หลังหนุ่มเวียดนามพายเรือยาง จะไปหาภรรยาที่อินเดีย หวังมุ่งหน้าลอนดอน
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายปัญญา เพิ่มวงศ์นิติกร นายท้ายเรือประมงชื่อ ต.ครองเพชรรุ่งเรือง แจ้งไปยังกองทัพเรือภาคที่ 3 โดยหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะสิมิลัน (นรภ.ทร.เกาะสิมิลัน) พบบุคคลไม่ทราบสัญชาติ เพศชาย อยู่บนเรือยางเป่าลมสีเหลือง-ฟ้า ขนาดประมาณความยาวประมาณ 2.5 ม. บนเรือมีถังน้ำดื่มและกระเป๋าเดินทาง ลอยเรืออยู่ในทะเลลำเดียว ห่างฝั่งจังหวัดพังงากว่า 80 กม. เกรงว่าจะได้รับอันตรายจากคลื่นลมแรงในทะเล
ต่อมา เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ Mr.HO HOANG HUNG อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เข้ามาในราชอาณาจักรไทยผ่านท่าอากาศยานภูเก็ต โดยนำเรือยางล่องทะเลจากภูเก็ต ในเรือมีอาหารแห้งประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ประมาณ 10 ห่อ และถังบรรจุน้ำดื่มเหลือเพียงเล็กน้อย ซึ่งมีความตั้งใจจะพายเรือยางไปหาภรรยาที่เป็นชาวอินเดีย แต่ได้ย้ายไปอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ ได้แต่งงานกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ต้องห่างกันเพราะ COVID-19
อย่างไรก็ดี ชายดังกล่าวได้เดินทางด้วยเครื่องบินจากกรุงไซง่อน ประเทศเวียดนาม มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 และต้องการต่อเครื่องไปประเทศอินเดีย แต่ไม่มีวีซ่าเข้าประเทศอินเดีย จึงได้ตัดสินใจนั่งรถโดยสารมาที่ จ.ภูเก็ต ก่อนที่จะจัดหาเรือยางเป่าลม และพายออกมาจากฝั่งจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ประมาณวันที่ 5 มีนาคม 2565 ที่หมายชายฝั่งประเทศอินเดีย ระยะทางประมาณ 2,000 กว่าไมล์ โดยในวันที่เรือประมงมาพบนั้น ได้ลอยเรือในทะเลมา 18 คืน
เจ้าหน้าที่จึงได้นำบุคคลดังกล่าว พร้อมเรือยางมายังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการต่อไป หลังจากได้รับแจ้ง ศรชล.ภาค 3 โดย ศคท.จว.พังงา ได้ดำเนินการวางแผนในการไปรับตัวนาย Mr.HO HOANG HUNG พร้อมกับประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการในการปฏิบัติในวันรุ่งขึ้น
ขณะที่เจ้าหน้าที่ ศรชล. ศรชล.ภาค3 ศรชล.จังหวัดพังงา อช.หมู่เกาะสิมิลัน ตม.พังงา สมาคมมัคคุเทศก์จังหวัดพังงา ร่วมกันต้อนรับชายชาวเวียดนามและสอบถามผ่านล่ามชาวเวียดนาม โดย Mr.HO HOANG HUNG กล่าวว่า ได้วางแผนการเดินทางตั้งแต่อยู่ที่เวียดนาม โดยจัดซื้อเรือยางพร้อมไม้พายเพื่อเดินทางเข้าอินเดีย เพื่อเดินทางต่อไปที่ลอนดอน เนื่องจากที่เวียดนามอนุญาตออกหนังสือเดินทางได้เพียง 2 ครั้งต่อปี และตนเองได้ใช้สิทธิไปแล้ว จึงต้องเดินทางเข้าไทย เพราะภายในประเทศอาเซียนทางเวียดนามไม่ได้จำกัดสิทธิ พร้อมวางแผนเดินทางเข้าอินเดียด้วยเรือยางที่เตรียมไว้ ซึ่งมีคนในอินเดียแจ้งว่าเมื่อถึงอินเดียสามารถพาเข้าอังกฤษได้ จึงเป็นความหวังที่จะพบคนรัก เป็นเหตุให้ตัดสินใจล่องเรือระยะกว่า 2,000 กิโลเมตร โดยเสี่ยงต่อคลื่นลมและความปลอดภัย โชคดีที่เจอเรือประมงและเจ้าหน้าไทยให้การช่วยเหลือ ซึ่งเดินเรือได้เพียงกว่า 80 กิโลเมตรเท่านั้น
ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเข้าตรวจสภาพร่างกายที่ศูนย์การแพทย์เขาหลัก ก่อนจะประสานสถานทูตเวียดนามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
