ไฟป่าสะเมิงยังลุกโชน เหตุเป็นเขาสูงชันเข้าถึงลำบาก จนท.เร่งเข้าควบคุม
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม น.ส.วิมลมาศ นุ้ยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติขุนขานและหัวหน้าคณะทำงานชุดที่ 8 รายงานความคืบหน้าเหตุการณ์การเกิดจุดความร้อน หรือ Hotspot ตั้งแต่เช้าวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา จำนวน 17 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในบ้านน้ำรินและบ้านแม่สาบ ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง และภาคบ่าย 6 จุด รวม 23 จุด โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติขุนขานสนธิกำลังร่วมกับไฟป่าขุนขาน-สะเมิง, ไฟป่าผาเมือง ลำพูน ไฟป่าห้วยฮ่องไคร้ ไฟป่าภูพิงค์ ไฟป่าออบหลวง ไฟป่าผ้าห่มปก หน่วย ชม.14 (แม่ขาน) หน่วย ชม.34 (แม่ตะละ) โครงการพัฒนาป่าไม้ฯสะเมิงใต้ รวมทั้งหมด 83 นาย แบ่งเป็น 8 ชุดปฏิบัติการ เข้าดับไฟเสร็จเกือบทั้งหมด แต่ยังคงมีอยู่ 2 กลุ่ม ที่ไฟอยู่ในแนวควบคุมและเป็นหน้าผาสูงชัน ประกอบกับเจ้าหน้าที่อ่อนล้า จึงถอนกำลังออกมาเมื่อเวลา 22.30 น. เพื่อเข้าตรวจสอบใหม่ในเช้าวันนี้ เบื้องต้นพบพื้นที่เสียหายรวมทั้งหมด 148 ไร่
ล่าสุด เช้านี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติขุนขานพบจุด Hotspot 5 จุด บ้านห้วยคอกและบ้านแม่สาบ ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง ซึ่งอยู่ในแนวเขตควบคุมของเมื่อวาน คาดว่าเนื่องจากพื้นที่สูงชันและเป็นป่าเบญจพรรณที่มีไผ่ จึงข้ามแนวเขตควบคุม จึงสนธิกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติขุนขาน และเจ้าหน้าที่ไฟป่าขุนขาน-สะเมิง, ไฟป่าผ้าห่มปก, ไฟป่าออบหลวง ไฟป่าผาเมือง ลำพูน โครงการพัฒนาป่าไม้ฯสะเมิงใต้ จำนวน 62 นาย เตรียมพร้อม โดยแบ่งเป็น 37 นาย เข้าควบคุมไฟและตรวจสอบจุด Hotspot และ 25 นาย เฝ้าลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงและป้องกันไฟที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่ คาดว่าจะควบคุมไฟในกลุ่ม Hotspot ได้ภายในเวลา 17.00 น. วันเดียวกันนี้
ขณะที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ประจำวันที่ 30 มีนาคม ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 มีค่าระหว่าง 30-103 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมีจุดความร้อน หรือ Hotspot เกิดขึ้น จำนวน 175 จุด เชียงใหม่ 58 จุด เชียงราย 3 จุด ลำพูน 5 จุด และแม่ฮ่องสอน 109 จุด
