หนุ่มวัย 30 ปี ชาว อ.สตึก บุรีรัมย์ ใช้มีดบุกเข้าไปชิงช้างกับควาญช้าง ราคากว่าล้านบาท จูงไปไว้ที่บ้าน ตำรวจตามรวบถึงบ้าน สารภาพจะเอาไปขายซื้อยาบ้ามาเสพ ตรวจสอบพบมีปัญหาหลังจากพ่อแม่แบ่งช้างให้ลูกคนละตัว แต่ยกให้เมียแล้วเลิกกัน ย้อนมาขอช้างกับพี่ชายแต่ถูกปฏิเสธจึงถือมีดเข้าไปชิงเอาช้างของพี่
เมื่อวันที่ 7 เมษายน ร.ต.อ.ชัยยา ปัตนาตา รองสารวัตรปราบปราม สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีคนร้ายใช้อาวุธมีดบุกเข้าไปชิงเอาช้างของชาวบ้านที่บ้านสำโรงพัฒนา ต.กระสัง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบ นายไพรวัลย์ สมเลียน หรือแบงค์ อายุ 30 ปี กำลังนั่งเล่นอยู่กับ “มาลิโอ้” ช้างเพศผู้ อายุ 13 ปี อยู่ที่บ้านของตัวเอง และยอมรับว่าเป็นคนจูงช้างมาจากบ้าน นายขวัญชัย สมเลียน อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของตัวเอง สาเหตุที่ไปจูงมาลิโอ้มาเพราะเป็นช้างมรดกของครอบครัว ต้องการเอามาต่อรองเพื่อขายแล้วนำเงินมาแบ่งกับพี่น้อง 3 คน คนละเท่าๆ กัน หรือแบ่งกันเลี้ยงคนละกี่เดือนในช่วง 1 ปี
อย่างไรก็ดี ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายไพรวัลย์ เนื่องจากได้รับข้อมูลจากแม่นายไพรวัลย์ว่า ช้างเชือกดังกล่าวเป็นของพี่ชายนายไพรวัลย์แล้วถูกชิงมา และนายไพรวัลย์มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
นายไพรวัลย์ให้การรับสารภาพว่า เสพยาเสพติดจริง ส่วนช้างดังกล่าวยืนยันว่าเป็นมรดกของครอบครัว เมื่อไปขอดีๆ ไม่ได้ จึงไปจูงมาเพื่อเป็นการต่อรอง
ด้าน นายขวัญชัย เจ้าของช้าง เล่าว่า แม่ซื้อช้างให้ลูกคนละเชือก น้องชายคือนายแบงค์ได้ไป 1 เชือก แล้วนำไปเลี้ยงกับภรรยาที่ต่างจังหวัด จากนั้นได้เลิกกับภรรยา โดยนายแบงค์ยกช้างของตัวเองให้กับภรรยา ทำให้น้องชายไม่มีช้างเลี้ยง หันไปเสพยาบ้าจนติดงอมแงม มาขอเงินพ่อแม่ไปซื้อยาบ้าเป็นประจำ ถ้าไม่ได้มักจะทำลายข้าวของ สุดท้ายมาขอช้างของตัวเองกับแม่ แต่ถูกปฏิเสธ เพราะแม่ได้แบ่งช้างไปให้แล้วคนละเชือก กระทั่งน้องชายใช้อาวุธมีดบุกเข้าไปชิงกับควาญช้าง ซึ่งตอนนั้นตนไม่ได้อยู่บ้าน
ขณะที่ นางสมควร สมเลียน อายุ 52 ปี แม่นายแบงค์บอกว่า ซื้อช้างมา 2 เชือก เชือกละกว่า 900,000 บาท แบ่งให้แบงค์ 1 เชือก อีกเชือกให้นายขวัญชัยกับน้องสาว แต่แบงค์รักษาช้างไว้ไม่ได้ แต่กลับมาจะขอช้างอีก กระทั่งมาชิงเอาดังกล่าว สาเหตุคาดว่าลูกชายน่าจะอยากได้ช้างเอาไปขาย แล้วเอาไปซื้อยาบ้ามาเสพ เพราะช่วงหลังติดงอมแงม ตอนนี้ได้แจ้งความบันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้ว ทั้งหมดจะให้ตำรวจเป็นคนเจรจาร่วมกัน
