เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯและหน่วยกู้ชีพ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว เร่งผลัดกันเข้าทำ CPR เพื่อช่วยชีวิตระทึก หนุ่มวัย 45 ปี หลังประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถพ่วง 22 ล้อ สุดท้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุกลางสี่แยกสระขวัญ จ.สระแก้ว
เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานนาทีการช่วยชีวิต ภายหลังเกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรง ระหว่างรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ บริเวณกลางสี่แยกสัญญาณไฟแดงแยกสระขวัญ ถนนทางหลวงสาย 317 สระแก้ว-จันทบุรี ตัดกับถนนทางหลวงสาย 359 สระแก้ว-เขาหินซ้อน ทิศทางมุ่งหน้าขาเข้าเมืองสระแก้ว มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นชาย 1 ราย หมดสติไม่รู้สึกตัว ไม่มีชีพจร ไม่มีลมหายใจ ศีรษะเปิด มีบาดแผลหลายแห่งตามลำตัว ขาและเท้า อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างสระแก้วและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพฯ ได้ผลัดกันให้การช่วยเหลือโดยทำ CPR ในจุดเกิดเหตุ ร่วมกับรถกู้ชีพของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว โดยให้การช่วยเหลืออยู่เป็นเวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่เป็นผล ผู้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุก่อนนำตัวส่ง รพ.ท้องที่เกิดเหตุ เขตรับผิดชอบของ สภ.เมืองสระแก้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมา คือ นายสุกรี ศิริเวช อายุ 45 ปี ชาว หมู่ 10 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สระแก้ว คนขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กข 5121 สระแก้ว ที่ขับขี่พุ่งชนรถบรรทุกพ่วงเปล่า 22 ล้อ ตัวแม่หมายเลขทะเบียน 70-0981 สระแก้ว ด้านหน้าติดสติ๊กเกอร์แม่ถาวร ส่วนลูกพ่วง หมายเลขทะเบียน 70-0982 สระแก้ว มีนายสุขสันต์ เรืองสา เป็นคนขับ กำลังมุ่งหน้าเข้าเมืองสระแก้ว โดยรถจักรยานยนต์ได้พุ่งเข้าชนและมุดบริเวณท้ายรถบรรทุกพ่วงอย่างแรง เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์กระเด็นตกไปด้านข้าง ส่วนคนขับขี่นอนพับอยู่บริเวณกลางถนน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างสระแก้ว ซึ่งตั้งจุดอยู่บริเวณสี่แยกดังกล่าว ได้พยายามเข้าช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนหลังเกิดเหตุ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้
ทางด้าน นายทวี ไพบูลย์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ บอกว่า อุบัติเหตุระหว่างรถพ่วงกับรถจักรยานยนต์ครั้งนี้ เกิดขึ้นระหว่างช่วงสัญญาณไฟแดงกับไฟเหลือง ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า เขาฝ่าไฟแดงหรือไม่ แต่ช่วงนั้นยังไม่หมดสัญญาณไฟกะพริบเหลืองอยู่ ซึ่งคนขับรถบรรทุกพ่วงบอกว่า เห็นรถจักรยานยนต์วิ่งตัดออกมาอย่างเร็วและชนท้ายเค้าอย่างจัง และเป็นช่วงระหว่างที่รถพ่วงยังไม่หยุดเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นเสียชีวิตดังกล่าว
